2552-12-29

สูตรการทำการแฟร้อน-เย็น

สูตรการทำการแฟร้อน-เย็น

1.Espreeo Macchiato
Macchiato แปลว่า การทำเครื่องหมาย หมายถึงการทำเครื่องหมายด้วยฟองนม

ส่วนผสม
-เอสเพรสโซ่ 1 shot
-ฟองนม

วิธีทำ
-ใช้ถ้วยขนาด 4 ออนซ์ เตรียมเอสเพรสโซ ตามขั้นตอนของเครื่อง กลั่นกาแฟลงถ้วยที่จะเสริฟ
-ใช้ช้อนเล็กๆตักฟองนมวางไว้ด้านบนกาแฟ
-เสริฟได้ทันที

2.Basic Cappuccino

ส่วนผสม
-เอสเพรสโซ่ 1 shot
-นมร้อนและฟองนม

วิธีทำ
-ใช้ถ้วยขนาด 8 ออนซ์ รินเอสเพรสโซลงไปก่อน แล้วเทนมร้อนตามลงไปจนเกือบเต็ม ใช้ช้อนกั้นฟองนมเอาไว้ในขณะที่ค่อยๆริน
-ใช้ช้อนตักฟองนมปิดหน้า พร้อมเสริฟทันที

3.Chocolate Espresso [Mocha sludge]

ส่วนผสม
-เอสเพรสโซ่ 1 shot
-น้ำเชื่อมกลิ่นช็อกโกแลต 1/2 ออนซ์
-วิปครีม-ผงช็อกโกแลต สำหรับแต่งหน้า

วิธีทำ
-ชงเอสเพรสโซในถ้วย 4 ออนซ์ เติมน้ำเชื่อมกลิ่นช็อกโกแลตลงไปผสมให้เข้ากันดี
-แต่งหน้าด้วยวิปครีม
-โรยผงช็อกโกแลต
-พร้อมเสริฟ

4.Mocha Lite

ส่วนผสม
-เอสเพรสโซ่ 1 shot
-โกโก้ผงชนิดไม่มีน้ำตาล 1 ห่อ
-นมร้อนและฟองนม

วิธีทำ
-ผสมทุกอย่างลงในถ้วยขนาด 12 ออนซ์ แล้วคนให้เข้ากัน
-แต่งหน้าด้วยฟองนม พร้อมเสริฟทันที

2552-11-26

กาแฟหอมละมุน


แฟรนไชส์ร้านกาแฟน้องใหม่ที่มีพื้นฐานมาจากการเป็นซัพลายเอ่อร์ เมล็ดกาแฟให้กับลูกค้าที่ต้องการเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง และได้รับการยอมรับจากลูกค้าจากร้านต้นแบบ ชื่อโคโคโร่
ทำให้มีลูกค้าเข้ามาปรึกษาถึงการทำธุรกิจกาแฟอยู่อย่างไม่ขาดสาย จึงได้เซ็ตระบบแฟรนไชส์ร้านกาแฟหอมละมุน ขึ้นมาเพื่อตอบสนอง ความต้องการของลูกค้า โดยร้านกาแฟหอมละมุนถูกเว็ตขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปของการเป้นร้านกาแฟที่มีคุณภาพดี ราคาเบาๆและการบริการที่ดี ไม่ด้อยไปกว่าแฟรนไชส์อื่นๆ แต่ความแตกต่างคือความยืดหยุ่น โดยสามารถตัดต้นทุนที่ไม่จำเป็นออกไปได้ เช่น แก้ว หลอด ชุดยูนิฟอร์ม แต่การลงทุนลูกค้าจะได้อุปกรณ์ต่างๆครบครับ สามารถเริ่มธุรกิจได้ทันที

รูปแบบการลงทุนเเฟรนไชส์
ร้านกาแฟ หอมละมุน อยู่ที่ราคา 38,000บาท ได้รับเคาน์เตอร์ 1.20 เมดร พร้อมเครื่องบด เครื่องชง และอุปกรณ์อื่นๆ ที่สามารถเปิดร้านกาแฟได้ทันที โดยจะได้รับการอบรมในทุกๆ ขั้นตอนก่อนขายจริง
ซึ่งเหมาะสำาหรับลูกค้าที่มีพื้นที่หน้าบ้านหรือ มีธุรกิจเดิม และมีเนื้อที่ว่างเพิมสามารถช่องทางการขายสินค้าอื่นๆ หรือ ผู้ที่มีทำเลย่านแหล่งชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน
ด้วยรูปลักษณ์ของเคาน์เตอร์ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญๆ 2 ปัจจัย คือ สีสันสวยงามของเค้าน์เตอร์จะช่วยดึงดูดผู้ซื้อและการออกแบบที่เคลื่อนย้ายสะดวก ง่ายในการติดตั้ง จึงช่วยเพิ่มช่องทางการขายให้กับลูกค้าที่เน้นทำตลาดแบบไม่ยึดติดพื้นที่เพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถ
จำหน่ายตามงานแสดงสินค้าต่างๆ หรือตามตลาดนัด ในแต่ละพื้นที่ไดอีกด้วยในเบื้องต้นเป้าหมายการขยายสาขาแฟรนไชล์อยู่ที่ 10-20สาขา (เฉพาะในเขตกรุงเทพขและปริมณฑล) ก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่นๆโดยเปิดรับดีลเลอร์ดูแลสาขาประจำจังหวัดจังหวัดละ 1 สาขา ส่วนเรื่องรลชาตินั้นมั่นใจว่ากาแฟหอมละมุน จะถูกใจผู้บริโภคสมกับชื่อ หอมละมุนเนื่องจากได้ลงทุนทำการวิจัยจนพบว่ารสชาติที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ชอบคือรสชาติแบบใด โดยบรรจุอยู่ในหลักสูตรอบรมให้กับลูกค้าด้วย นอกจากเมนูกาแฟ ร้อน เย็น แล้ว ยังมีเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ไว้รองรับเพิ่มเติม เช่น ชา โกโกั และน้ำผลไม้เป็นต้น
อย่างไรก็ดีจากคุณสมบัติของผู้ที่สนใจจะร่วมลงทุนกับแฟรนไชส์หอมละมุนในเบื้องด้นนั้นหากเป็นไปได้ขอเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีทำเลของตัวเองแน่นอน เพื่อตัดเรื่องค่าเช่าพื้นที่และมีใจรักบวกกับความตั้งใจในการทำธุรกิจกาแฟจริงๆ ส่วนในรายละเอียดอื่นๆ นั้นสามารถเขามาพูดคุยปรึกษากับทาง

สนใจขอรับรายเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท โคโคโร่เบฟเวอร์เรจ จำกัด 78/2 ซ.ถ.พหลโยธิน แขวงจระเข้บัว กรุงเทพฯ โทร. 02-907-17720 หรือ www.kokoro.co.th

2552-11-09

กาแฟ 94 องศา (94 oC Coffee) หรือ ไนน์ตี้โฟร์ คอฟฟี่



กาแฟ 94 องศา (94 oC Coffee) หรือ ไนน์ตี้โฟร์ คอฟฟี่
ในยุคสมัยที่กาแฟมีการแข่งขันการอย่างดุเดือดโดยเฉพาะอย่างยิ่งกาแฟพรีเมี่ยม แบรนด์ของ กาแฟ 94 องศาซี (94 oC Coffee) นับว่าเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณภาพของสินค้าและวิธีในการบริหารงานทั้งด้านการจัดการและการตลาด ในระดับที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าร้านกาแฟพรีเมี่ยมแบรนด์ดังระดับโลก
ปัจจัยที่ทำให้ร้านประสบความสำเร็จนั้น คุณกิจจา วงศ์วารี กรรมการบริหารบริษัทอัลติเมท เบเวอร์เรต โปรดักส์ จำกัด ได้กล่าวว่ามีหลายปัจจัย ดังต่อไปนี้
1. เริ่มจากชื่อร้าน 94 oC Coffee มาจากระดับอุณหภูมิของน้ำที่ใช้ชงกาแฟที่ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุด
2. บรรยากาศภายในร้าน การตบแต่ง โดยทางบริษัทมีฝ่ายออกแบบโดยเฉพาะ ซึ่งก่อนออกแบบก็ได้ทำแบบสอบถามสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมาย ทั้งร้านกาแฟแบบ stand alone หรือตั้งอยู่ภายในอาคาร เช่น ใช้สีน้ำตาลแดงเป็นสีหลักในการแต่งร้าน เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกอยากดื่มกาแฟ ร้านกาแฟแบบพรีเมี่ยมก็ต้องทำให้เป็นแบบพรีเมี่ยมจริงๆ จำนวนโต๊ะ ต้องไม่มาก ห่างกันพอสมควร มีโต๊ะหลากหลายรูปแบบให้ลูกค้าเลือกนั่ง จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ เป็นต้น
3. รสชาติกาแฟ และเมนูต่างๆ ตลอดจนเครื่องชงกาแฟรุ่นที่ดีที่สุดจากอิตาลี ดังสโลแกนที่ตั้งไว้ว่า “กาแฟดี เค้กอร่อย” เมล็ดกาแฟที่ใช้เป็นชั้นเยี่ยม ซึ่งนับว่าเป็นจุดแข็งของร้าน เพราะ อัลติเมท เบเวอร์เรต โปรดักส์ เป็นหนึ่งกิจการในเครืออโรม่า กรุ๊ป และเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วบดอโรม่า
4. ด้านการให้บริการ ยังใช้แบบกึ่ง self service คือ ยังให้พนักงานบริการให้อยู่ เพราะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนไทยจะยังต้องการการบริการอยู่มาก นอกจากนั้นยังมีการให้บริการเสริม เช่น อินเตอร์เน็ต wi-fi

งบประมาณในการสร้างร้านกาแฟแบบ 94 oC Coffee
94 oC Coffee แบ่งแฟรนไชส์ออกเป็น 4 แบบ คือ
1. shop แบบ stand Alone ประมาณ 2,730,000 บาท
2.shop แบบ Housing ประมาณ 1,930,000 บาท
3. Corner ขนาดใหญ่ พื้นที่ 40 ตารางเมตร ประมาณ 1,370,000 บาท
4. Corner ขนาดเล็ก พื้นที่ 25 ตารางเมตร ประมาณ 1,050,000 บาท
และผู้ลงทุน ควรจะต้องเตรียมเงินทุนสำรองไว้ในสัดส่วนประมาณ 15-20 % ของเงินลงทุนไว้เป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนภายในร้านในระยะเวลา 2-3 เดือนเพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักร้านซะก่อน และในกรณีที่ต้องเช่าพื้นที่ ค่าเช่าสูงสุดไม่ควรเกิน 18 % จากยอดขาย ไม่เช่นนั้นจะมีโอกาสขาดทุนสูง ค่าใช้จ่ายพนักงานควรคุมให้อยู่ระหว่าง 10-15 % ของยอดขาย สาธารณูปโภคสูงสุดไม่เกิน 8 % ของยอดขาย สุดท้ายต้นทุนอาหารและเครื่องดื่มสูงสุดต้องควบคุมไม่ให้เกิน 40 % ของยอดขาย
ส่วนเรื่องรายได้นั้น เมนูกาแฟราคาต่ำสุด 50 บาท สูงสุดไม่เกิน 80 บาท อาหารว่าง อยู่ระหว่าง 55-80 บาท
ด้านผลกำไรสุทธิ จะอยู่ประมาณ 15-30 % และถ้าเป็นร้านกาแฟอิสระ ไม่ต้องเสียค่าลอยัลตี้กับค่าการตลาด 6 % แล้ว กำไรย่อมเพิ่มขึ้นไปอีก
ผู้ที่สนใจอยากจะเปิดร้านกาแฟพรีเมี่ยมแบบเร่งด่วนสามารถลงทุนแฟรนส์ไชส์กับ กาแฟ 94 องศาซี (94 oC Coffee)
ข้อมูลเบื้องต้น
-เสียค่าแฟรนส์ไชส์แรกเข้า 400,000 บาท
-ได้รับการช่วยเหลือในการออกแบบร้าน ซึ่งสามารถปรับความต้องการทั้งผู้ลงทุนและเจ้าของแฟรนส์ไชส์ให้สอดคล้องกัน
-การฝึกอบรมจากทางบริษัท รวมทั้งจัดหาบุคลากรให้ถ้าต้องการ และฝึกอบรมให้พร้อมปฏิบัติงานได้
-มีระบบพนักงานเสริมได้ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ขาดแคลนบุคลากร
-บริษัทจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ศักยภาพของทำเลที่ตั้งเพื่อให้ได้ผลกำไรสูงสุดของผู้ลงทุน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท อัลติเมท เบเวอร์เรต โปรดักส์ จำกัด 139/13 ซอยโชคชัย 4 ถ.ลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 โทร 0-2933-4191-5 โทรสาร 0-2933-4191-5 ต่อ 444

หมายเหตุ ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

2552-11-07

คาเฟ่ เดอ ไอยรา กาแฟแบรนด์ไทย


คาเฟ่ เดอ ไอยรา กาแฟแบรนด์ไทย
คาเฟ่ เดอ ไอยรา เป็นอีกแบรนด์ของไทยที่ ประสบผลสำเร็จไปไกลถึงต่างแดน เตรียมบุก พม่า มาเลเซีย จีน จากการก่อตั้งเพียง 2 ปีกว่าเท่านั้น โดยคุณนิธิศ มหาวรรณ
กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดสยามคอฟฟี่ อินเตอร์เนชั่นแนล บอกที่มาของแบรนด์ว่า มาจากร้านกาแฟในฝรั่งเศส ชื่อว่า คาเฟ่ เดอ ลาฟองส์ ซึ่งร้านในฝันของเขา
คุณนิธิศ ได้ศึกษาข้อมูลการลงทุนด้านกาแฟช่วงแรกพบว่า การลงทุนในระดับไม่เกิน 30,000 บาทเป็นฐานที่กว้างมาก จึงคิดสร้างโมเดล ทางลงทุนเป็นแฟรนไชส์แบบ คีออสขนาดเล้ก ลงทุน ในระดับ 19,000 บาท
และ 29,000 บาท และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากผู้ลงทุนจนสามารถขยายสาขาได้ถึง 250-300 สาขา
เนื่องจากการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้ต้องทบทวนเรื่องการบริหารจัดการ จึงได้พัฒนารูปแบบการลงทุนที่สูงขึ้น จนปัจจุบันได้หยุดการลงทุนแบบคีออสและหันมา ทำแบบคอฟฟี่ช็อปแทน เพราะผลตอบรับที่ดีกว่า
จึงได้ปรับรูปแบบการลงทุนเป็นช็อปขนาดพื้นที่ 10 ตารางเมตรไปจนถึง 100 ตารางเมตร จุดขายสำคัญของคาเฟ่ เดอ ไอยรา คือการคัดคุณภาพเมล็ดกาแฟ และเทคนิคการคั่วจากผู้เชี่ยวชาญ และราคาขายที่สมเหตุสมผลคือไม่แพง ตกแก้วละ 40-60 บาท สามารถแข่งขันได้
ในตลาดได้ทุกระดับ จนปัจจุบันนี้เตรียมโกอินเตอร์ด้วยการนำกาแฟไทย บุกตลาดอาเซียน และ 3 ประเทศ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆอีกต่อไป
นี่เป็นสิ่งการันตีถึงความพร้อมของกาแฟ คาเฟ่ เดอ ไอยรา ที่จะก้าวต่อไปเพื่อให้ผู้ลงทุนและผู้บริโภคมั่นใจ

สนใจรายละเอียดแฟรนไชส์ คาเฟ่ เดอ ไอยรา ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ห้างหุ้นส่วนจำกัด สยามคอฟฟี่ อินเตอเนชั่นแนล
23/380 ม.13 ถ.นวมินทร์ 68 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10240
โทร.02-944-8599(2คู่สาย),แฟกซ์: 02-944-8579
Email: iyaracoffee@hotmail.com,vdsing@hotmail.com

2552-10-16

กาแฟดอยช้าง



กาแฟดอยช้าง



จากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงต้องการให้พัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวเขา เพื่อเปลี่ยนดอยปลูกฝิ่นเป็นถิ่นปลูกกาแฟ เมื่อปี 2512 ได้มีการริเริ่มโครงการปลูกพืชเมืองหนาว
เพื่อต้องการ ลดการถางป่าทำไร่เลื่อนลอยและลดการปลูกฝิ่นพืชเสพติดลง พื้นที่ดอยช้างเป็นพื้นที่ดีเหมาะสมเป็นอย่างมากสำหรับการปลูกกาแฟ เพราะอากาศที่เหมาะสมและพื้นดินที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ
และมีความสูง 1,200-1,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศที่เย็นตลอดทั้งปีเป็นสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะปลูกกาแฟ ทำให้กาแฟดอยช้างเป็นกาแฟที่ดีมีคุณภาพระดับโลก และสามารถสร้างงานและอาชีพให้ชาวเขา
ทำให้มีอาชีพที่แน่นอน
ระยะแรกพี่น้องชาวไทยภูเขาถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง แต่ก็ต้องยอมจำทนเพราะข้อจำกัดหลายๆอย่าง คุณ วิชา พรหมยงค์ และคุณ ปรชัย พิสัยเลิศ หรือ อาเดล ต้องการสร้างความยั่งยืนให้พี่น้องและไม่ต้องการการเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง จึงเริ่มจัดตั้งกลุ่มเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชน จึงได้จัดตั้งบริษัทขึ้น ชื่อ บริษัท ดอยช้าง เฟรช โรสเต็ด คอฟฟี่ จำกัด จัดธุรกิจแบบครบวงจร ทั้ง การปลูก การเก็บเกี่ยว การผลิต แปรรูป จัดส่งออก โดยการร่วมมือลงแรงกันของพี่น้องชาวเขา ทำให้องค์กรนี้แข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับ ว่าเป็นกาแฟที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถือเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟ สายพันธุ์อราบีก้าแท้ 100% แหล่งสำคัญของไทย เพราะได้รับการคัดสรรสายพันธุ์มาอย่างดีจากนักวิชาการเกษตรของไทย จนได้สายพันธุ์ที่ดีเยี่ยม ประกอบลักษณะทางภูมิศาสตร์ ที่มีความสูงพอเหมาะอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ทำให้กาแฟสุกช้า เมล็ดกาแฟจึงสะสมสารอาหารและแร่ธาตุได้นานเพิ่มขึ้น
ทำให้กาแฟของดอยช้างได้คุณภาพและมีขนาดที่สมบรูณ์ นอกจากความเหมาะสมของพื้นที่การปลูกแล้ว การดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอนการผลิตและแปรรูป โดยผู้เชี่ยวชาญนักวิชาการเกษตร ทั้งในและต่างประเทศ ทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูกใต้ร่มเงาไม้ใหญ่และเลือกเก็บเมล็ดกาแฟที่สุกด้วยมือทีละเมล็ด การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของกาแฟดอยช้าง การตาก การสี การเก็บบ่มอย่างถูกวิธี บนพื้นที่สูงนานกว่า 8 เดือน และการคั่วเมล็ดกาแฟอย่างถูกวิธีจากเครื่องคั่วที่ได้มาตรฐาน ทำให้ได้รส และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากกาแฟที่อื่น จนทำให้กาแฟดอยช้างได้รับรางวัลรับรองคุณภาพจาก สมาคมกาแฟชนิดพิเศษแห่งยุโรป (Specialty Coffee Association of Europe) และสมาคมกาแฟชนิดพิเศษแห่งอเมริกา (Specialty Coffee Association of America)
ซึ่งกาแฟชนิดพิเศษนี้ จะผลิตออกมาในแต่ละปี 5-6 % ของกาแฟจากทั่วโลกเท่านั้น
และเพื่อรองรับนักดื่มกาแฟจากทั่วโลกทำให้การผลิตกาแฟดอยช้างแบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1.กาแฟพีเบอร์รี่ คัดเฉพาะกาแฟโทน หรือกาแฟเมล็ดเดี่ยว ซึ่งยอมรับกันว่าเป็นกาแฟที่ที่มีคุณภาพดีที่สุดเพราะได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ เพราะกาแฟปกติจะมี 2 เมล็ดใน 1 กะลา ทำให้รสชาติที่กลุ่มกล่อมนุ่มนวล ถูกใจคอกาแฟที่ชอบความโดดเด่นของกาแฟ
2.กาแฟออร์แกนิค เป็นกาแฟที่ปลอดจากสารเคมีใดๆทุกขั้นตอนตั้งการปลูกไปจนถึงการแปรรูปมาเป็นเมล็ดกาแฟ เพื่อรองรับกลุ่มผุ้ดื่มที่ใส่ใจตัวเอง กาแฟกาแฟออร์แกนิคผ่านการรับรองจาก USDA ว่าปลอดภัย กาแฟดอยช้างแบบออร์แกนิคนี้มีวางจำหน่ายอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ มากกว่า 1,500 แห่ง
3.กาแฟพรีเมี่ยม เกรด AA เป็นเมล็ดกาแฟที่มีขนาดใหญ่ 7 มิลลิเมตร คั่วในระดับ Dark Roast ได้กาแฟที่เข้มข้น ตาแบบฉบับเฉพาะของกาแฟดอยช้าง
4.กาแฟพรีเมี่ยม เกรด A เป็นเมล็ดกาแฟที่มีขนาดใหญ่ 6 มิลลิเมตร(กาแฟทั่วๆไป 5.5 มิลลิเมตร)เป็นเกรดกาแฟที่นำมาเสิร์ฟให้ลูกค้าในร้านดอยช้าง

กาแฟดอยช้างกว่า 95% ถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศเนื่องจากคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกและมีกลุ่มนักดื่มที่แบ่งประเภทกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้กาแฟดอยช้างยังแตกไลน์ ชื่อแบรนด์ Ego เป็นเมล็ดกาแฟเกรดรองลงมาเพื่อรองรับผู้ประกอบการที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต เป็นรองกาแฟเกรดพรีเมี่ยมเพียงขนาดเมล็ดเท่านั้น แต่ทุกขั้นตอนการผลิตมาจากแหล่งเดียวกัน
ล่าสุดนี้กาแฟดอยช้างได้เปิดตัวการอบรมกาแฟชื่อว่า " อะคาเดมี่ " ให้การอบรมเรื่องกาแฟแบบครบวงจรบนดอยช้าง โดยผู้ที่สนใจอยากเรียนรู้ตั้งแต่ขบวนการเก็บเกี่ยวจนถึงการแปรรูป ซึ่งจะเปิดเพียงปีละครั้งในช่วงการเก็บเกี่ยวเท่านั้น เปิดหลักสูตรแรก ปี 2551

สนใจข้อมูลและต้องการสั่งซื้อเมล็ดกาแฟจากดอยช้างติดต่อได้ที่
39/545 หมู่ 13 แขวง/เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10240 โทร. 02-539-6240, 02-539-6246, 087-7131-1919 แฟกซ์: 02-539-6240 หรือที่ www.doichaangcoffee.com

2552-10-14

แฟรนไชส์ โมเดิร์นคอฟฟี่

แฟรนไชส์ โมเดิร์นคอฟฟี่


การเปิดร้านกาแฟนั้นต้องมีความรู้เรื่องกาแฟ มีศาสตร์ต่างๆมากมายที่ต้องทำความเข้าใจกับธุรกิจนี้ ก่อนเปิดร้านผู้ประกอบการต้องผ่านการอบรมเรื่องกาแฟ
เพื่อจะทำให้มีความเข้าใจในธุรกิจลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันนี้มีสถานฝึกอบรมกาแฟเกิดขึ้นมากมายให้เลือกเรียนได้อย่างไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการจะเลือกจากแหล่งใด
โมเดิร์นคอฟฟี่ คอร์เปอเรชั่น เป็นอีกหนึ่งในผู้ให้บริการ จัดหาวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการทำร้านกาแฟ พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจร้านกาแฟ คุณปุญชรัศมิ์ รัตนวรเสฏฐ์ ผู้บุกเบิกกาแฟแบรน เดอะ คอฟฟี่เมคเกอร์และโมเดิร์นคอฟฟี่ ประสบการณ์ในวงกากาแฟกว่า 20 ปี
โดยจุดแข็งของโมเดิร์นคอฟฟี่ คือการประยุกต์ความรู้ที่ได้รับมา ได้แก่ QSC
Q-quality คุณภาพ,รสชาติ
S-Service การบริการที่รวมถึง ความรวดเร็ว รอยยิ้มและความสง่างาม
C-Cleanliness ความสะอาด ถูกหลักอนามัย ใส่ใจผู้บริโภค

โมเดิร์นคอฟฟี่ มีความเข้าใจถึงผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการเปิดร้านกาแฟเองแต่ทุนทรัพย์ไม่มากพอ จึงต้องหาความรู้จากการเข้ารับการอบรมเพื่อมาสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง โมเดิร์นคอฟฟี่เป็น บริษัทที่ครบวงจรเรื่องกาแฟ
ทั้งการผลิตและจำหน่ายเมล็ดกาแฟคุณภาพ ให้การฝึกอบรมแก่ผู้ประกอบการที่สนใจอยากจะเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง โมเดิร์นคอฟฟี่ ถือเป็นรายแรกของเมืองไทยที่จัดให้มีการอบรมเรื่องกาแฟ
โมเดิร์นคอฟฟี่จัดอบรมกาแฟให้ผู้ประกอบการฟรีๆ โดยใส่ใจว่าเรื่องการเรียนรู้ถือเป็นหัวสำคัญในการประกอบธุรกิจกาแฟ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำกลับไปปฏิบัติได้จริง หลักสูตรการบอรมจะเน้นเรื่องของ รสชาติกาแฟ ความสะอาด และเรื่องการบริการ
สอนกันแบบไม่มีกั๊กความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องกาแฟ คุณปุญชรัศมิ์ รัตนวรเสฏฐ์ และ คุณเปรมเกีรยติ ซึ่งเป็นอาจารย์จากศูนย์อบรมอาชีพและธุรกิจ มติชน
ซึ่งมีลูกศิษย์ที่ผ่านการอบรมและไปประกอบอาชีพธุรกิจกาแฟมาแล้วกว่า 100 รุ่น ระยะเวลาในการอบรมเพียง 1 วันโดยจะแบ่งออกเป็น ภาคทฤษฏีและปฏิบัติเพื่อให้ผู้เรียนได้ลงมือทำเอง รวมทั้งเรียนรู้เรื่องสูตรต่างๆของกาแฟมากมาย
โมเดิร์นคอฟฟี่เล็งเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ ผู้ประกอบการต้องมีความรู้ก่อนลงทุนเพราะปัจจุบันนี้การแข่งขันในธุรกิจกาแฟนั้นมีสูงมาก หากไม่ใส่ใจเรื่องความรู้และไม่ศึกษาอย่างต่อเนื่องจะทำให้อยู่ในธุรกิจได้และไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ
นอกจากให้การอบรมแก่ผู้สนใจในธุรกิจกาแฟแล้ว โมเดิร์นคอฟฟี่ ยังมีโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ เดอะคอฟฟี่เมคเกอร์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจและมีทุนในการดำเนินธุรกิจตามแบบฉบับของโมเดิร์นคอฟฟี่
แฟรนไชส์ เดอะคอฟฟี่เมคเกอร์นั้นมีให้เลือก 2 รูปแบบ
1.แบบคอฟฟี่คอนเนอร์ ขนาดพื้นที่ 20-40 ตารางเมตรประกอบไปด้วยค่าแฟรนไชส์ 200,000 บาท ค่าตกแต่งภายในและอุปกรณ์ขั้นต่ำ 600,000 บาท ค่า Royalty Fee 50,000 บาท/ปีระยะเวลาสัญญา 3 ปี
2.แบบคอฟฟี่ช็อป ใช้พื้นที่ 50-100 ตารางเมตร ค่าแฟรนไชส์ 400,000 บาท ค่าตกแต่งร้านขั้นต่ำ 1,500,000 บาท ค่า Royalty Fee 100,000 บาท/ปี สัญญา 5 ปี

การลงทุนทั้ง 2 รูปแบบสามารถเปิดร้านได้ภายใน 30 วัน ค่า Royalty Fee จัดเก็บครั้งเดียว/ปี ไม่ได้คิดตามสัดส่วนเปอร์เซ็นต์การขายในแต่ละเดือน
เงื่อนไขในการชำระค่าใช้จ่ายแบบคอฟฟี่ช็อปแบ่งเป็นชำระค่า Franchise Fee 400,000 บาท ในวันทำสัญญา พร้อมชำระค่าร้านและอุปกรณ์งวดที่ 1 จำนวน 1,000,000 บาท จากนั้นชำระค่าร้านและอุปกรณ์งวดที่ 2 จำนวน 250,000 บาท หลังการก่อสร้างเสร็จ
50 % ชำระค่าร้านและอุปกรณ์งวดที่ 3 จำนวน 250,000 บาท และค่า Royalty Fee ล่วงหน้า 1 ปี ก่อนเปิดร้าน 1 วัน

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่
บริษัทเดอะ คอฟฟี่เมคเกอร์ จำกัด เลขที่4 ซ.สามัคคี 58/18 ถ.ประชาชื่น ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทร. 02-573-5080,02-980-0712 Fax 02-980-0399
E mail :thecoffeemaker@thai.com , punchrat.r@hotmail.com

2552-10-12

สินเชื่อ/เงินกู้ สำหรับเปิดร้านกาแฟ


สินเชื่อ/เงินกู้สำหรับเปิดร้านกาแฟ

เงินกู้หรือสินเชื่อนั้นมาความสำคัญสำหรับการทำธุรกิจ ผู้ประกอบการ อาจไม่ประสบความสำเร็จตามที่ได้คาดหวังไว้ ผู้ที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจกาแฟนี้ จึงควรศึกษาข้อมูลบางส่วนไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินศักยภาพของผู้ลงทุนและความพร้อมของเงินทุนการวางแผนและเตรียมความพร้อมเรื่องเงินลงทุน แหล่งของเงินลงทุน และทุนสำรองยามฉุกเฉิน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้
อย่างคล่องตัว โดยเฉพาะภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน ซึ่งอาจทำให้การดำเนินธุรกิจไม่เป็นไปตามความคาดหมาย ดังนั้นผู้ลงทุนอาจด้องพึ่งพิงแหล่งเงินทุนอื่นๆ เช่น เงิน
ทุนส่วนตัว สินเชื่อของสถาบันการเงิน สินเชื่อในรูปแบบลิสซิ่ง หรือสินเชื่อนอกระบบ
การขอสินเชื่อกับสถาบันทางการเงิน มักจะเป็นอันดับต้นๆ ที่ผู้ลงทุนจะเข้าไป
ขอความช่วยเหลือ ทั้งในกรณีที่ทุนส่วนตัวไม่เพียงพอ หรือขาดสภาพคล่องในการดำเนิน
กิจการ ในส่วนของสถาบันการเงินโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ ก็ขยายการให้บริการ
ทางการเงินให้กับกลุ่มธุรกิจและลูกค้ารายย่อยมีโอกาสเข้าถึงนเหล่งเงินทุนได้มากขึ้นจากอดีต
สำหรับธนาคารที่โดดเด่นในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้สนใจจะลงทุนในธุรกิจกาแฟนั้น พอจะรวบรวมข้อมูลและรายละเอียดได้ ดังนี้

สินเชื่อสานฝันสู่อาชีพของธนาคารออมสิน
สำหรับผู้ประกอบการแต่มีความตั้งใจที่จะเป็นผู้ประกอบการเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตต่อไป แต่กล้าๆ กลัวๆ ที่จะไปขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เพราะยังมีคุณสมบัติ (proflle) ด้อยกว่า หรือมีความเสี่ยงเครดิตที่สูงเกินกว่าธนาคารพาณิชย์จะปล่อยกู้ได้ สินเชื่อสานฝันฝันสู่อาชีพของธนาคารออมสินเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ
สินเชื่อนี้จะปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการใหม่ เพื่อใช้เป็นทุนหรือทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานอื่นๆ ที่จำเป็น โดยมีจำนวนเงินให้กู้ได้ไม่เกินรายละ 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบื้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน (อัตราดอกเบี้ยคงที่) ระยะเวลาชำระคืนเงินเว้นละดอกเบี้ยเป็นงวดรายเดือนไม่เกิน 5 ปี (ปลอดการชำระเงินต้น และดอกเบี้ย 3 เดือนแรก)

ตารางแสดงการชำระหนี้ สินเชื่อสานฝันปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน
กู้15 เดือนผ่อน 12 งวด /กู้27 เดือนผ่อน 24 งวด/กู้39 เดือน ผ่อน 36 งวด/กู้ 51 เดือน ผ่อน 48 งวด/กู้63 เดือนผ่อน 50 งวด
5,000/ 480 /264 /193 /157 /136
6,000 /575 /318 /232/ 189 /163
7,000/ 671 /371/ 270/ 220/ 191
8,000 /767 /423 /309/ 252 /217
9,000/ 836 /476 /348/ 284/ 245
10,000/ 958/ 530/ 386/314/ 272
11,000 /1,055 /582/425/ 346/ 299
12,000 /1,150 /635 /463/378/ 326
13,000 /1,246 /688 /502 /409 /354
14,000 /1,342 /741 /541 /441 /380
15,000 /1,438 /794 /580 /472 /408
20,000 /1,917 /1,058 /773 /630 /543
30,000 /2,875 /1,588 /1,158 /944 /815
40,000 /3,833 /2,117 /1,544 /1,258 /1,087
50,000 /4,792 /2,646 /1,931 /1,573 /1,358

คุณสมบัติผู้กู้ที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษนอกเหนือจากเป็นบุคคลสัญชาติไทย
อายุ 20 ปีบริบูรณ์ และเมื่อรวมระยะเวลาในการชำระคืนเงินกู้แล้วไม่เกิน 65 ปี ต้อง
ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการสินเชื่อสานฝันฟูอาชีพ มีถิ่นที่อยู่หรือสถานที่ประกอบการที
แน่นอนสามารถติดต่อได้ และไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือมีหนี้สินล้นพ้นตัว สิ่งที่สำคัญ
คือต้องผ่านการฝึกอบรมในการประกอบอาชีพจนสามารถเป็นผู้ประกอบการอาชีพนั้นๆได้
หรือเป็นผู้ที่มีประสบการณ์พื้นฐานในอาชีพที่จะประกอบการได้ หรือมีประสบการณ์ใน
การประกอบอาชีพมาก่อนและต้องการเปลี่ยนอาขีพ หรือประกอบอาชีพเสริม เพื่อเป็น
การยืนยันว่าคุณมีพื้นฐานในอาชีพนั้นจริง
สินเชื่อนี้เหมาะสำหรับผู้ต้องการลงทุนในธุรกิจกาแฟแบบรถเข็น (cart) ที่ใช้
ทุนเริ่มต้นหลักหมื่นแต่ไม่เกินหลักแสน ผู้ที่สนใจสามารถยื่นเรื่องขอสินเชื่อในโครงการ
ได้ที่ธนาคารออมสินสาขาใกล้สถานที่ประกอบการ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที
ธนาคารออมสิน สำนักงานใหณ่ ถนนพหลโยธิน สะพานควาย เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทร 02-299-8000 ต่อ 2110-3 call center 1115 หรือที่ www .gsb .or .th

สินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์ SME BANK
สินเชื่อสำหรับลงทุนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์โดยเฉพาะ โดยให้ทั้งสินเชื่อ
แฟรนไชซอร์ (Franchisor) เพื่อเป็นเงินลงทุนในการดำเนินธุรกิจฐระบบแฟรนไชสั หรือ
ขยายกิจการเดิมในระบบแฟรนไชสั และปล่อยกู้สำหรับคนที่ต้องการลงทุนซื้อธุรกิจในรูป
แบบแฟรนไชซี (Franchlsee) มาดาเนินกิจการ โดยการให้กู้ยืมจะมีระยะเวลา (Term Loan
กู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 5 ปี
วงเงินกู้ต่อราย (ทั้งกรณีผู้รับสิทธิ์และผู้ให้สิทธิ์) เริ่มต้นตั้งแต่ 50,000 บาท ไม่เกิน 100 ล้านบาท (ยกเว้นผู้กู้เป็นครอบครัวของผู้ประกอบการรถแท็กซี่ที่ใช้สินเชื่อ
โครงการพัฒนาแท็กซี่ไทยของธนาคารกำหนดวงเงินฤ้ขั้นต่ำต่อรายตั้งแต่ 10 000บาทขึ้นไป
นอกจากนี้ SME BANK ยังมีวงเงินกู้ตั้งแต่ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
วงเงินกู้ตั้งแต่ 500,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท และมีวงเงินกู้เงินกว่า 1 ,000,000
บาท ส่วนคุณสมบัติของผู้กู้ Franchisee จะต้องมีเงินลงทุนเป็นของตนเองในกิจการฟวนหนึ่ง
และผ่านการวิเคราะห์เบื้องต้นจาก SME BANK สำหรับ Franchlsor นั้นต้องถือสัญชาติไทย
และถือหุ้นอยู่ไมน้อยกว่าร้อยละ 51 ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด พร้อมทั้งมีเงินลงทุนเป็นของ
กันเองในกิจการไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของมูลค่าโครงการที่เสนอต่อธนาคาร

คุณสมบัติและหลักเกณฑ์ของผู้ขอกุ้กรณีอื่นๆจำแนกได้ดังนี้
-เป็นข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่ระดับ 4 ขึ้นไป หรือเทียบเท่าจำนวน 2 คน หรือตั้งแต่ระดับ 6 ขึ้นไป หรือเทียบเท่า จำนวน 1 คน
-เป็นพนักงานผู้มีรายได้ประจำของบริษัทหรือองค์กรเอกชน ซึ่งมีระยะเวลาการทำงานไม่น้อยกว่า 1 ปี และมีรายได้สุทธิปรากฏในสลิปเงินเดือนไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของวงเงินที่ค้ำประกัน จำนวน 1 คน
-เป็นผู้มีอาชีพอิสระซึ่งดำเนินกิจการมาไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยมีรายได้สุทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของวงเงินสินเชื่อที่ค้ำประกัน จำนวน 1 คน ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นลูกหนีหรือผู้ค้ำประกันสินเชื่ออื่นอยู่กับธนาคาร
-ยกเว้นลูกหนี้รายที่ประวิตการผ่อนชำระดี ไม่มียอดค้างชำระ สามารถเข้าร่วมค้ำประกันได้ แต่ภาระการค้ำประกันเมื่อรวมกับยอดหนี้ที่มีอยู่ขณะนั้นา ต้องไม่เกินวงเงินว้สูงสุดต่อรายที่ธนาคารประกาศกำหนด
ส่วนอัตราดอกเบี้ย (ทั้งกรณีผู้กู้ที่เป็นผู้รับสิทธิ์ และข้ให้สิทธิ์) ทาง SME BmK
กำหนดไว้ คือวงเงินกู้ตั้งแต่ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท หากมีหลักทรัพย์ค้ำ
ประกันเพียงพอ คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR+1 0/0 ต่อปี กรณีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียง
พอ (มีส่วนที่ขาดหลักทรัพย์) คิดดอกเบี้ยใน อัตรา MLR+2 .50 0/0 ต่อปี กรณีวงเงินกู้เกินกว่า
1,000,000 บาท พิจารณาตามหลักเกณฑ์การอำนวยสินเชื่อปกติของธนาคารผู้สนใจสามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ SME BANK สาขาย่อยจตุจักร ปิ่นเกล้าลาดกระบัง หรือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยสำนักงานใหญ่เลขที่ 475 อาคารสิริภิญโญ ชั้นที่ 9 ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
10400 โทร 0-2201- 3700-10 call center 1357 หรือที่ www .smebank. co. th

ธนาคารนครหลวงไทย-สินเชื่อธุรกิจรายย่อย SCIB-S ( SCIB-Small Busines Lending)
สินเชื่อสำหรับกิจการ ร้านค้าทั่วไป และผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการเงินลงทุน ฉละ
เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม โดยมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน อนุ๖ิต
วงเงินได้อย่างรวดเร็วในรูปของเงินกู้ระยะยาวที่สามารถผ่อนชำระเป็นรายเดือนี ละเงิน
ทุนหมุนเวียน (o/D) โดยรายละเอียดต่างๆ มีดังนี้

วงเงิน 300,000-10,000,000 บาท
ระยะเวลา เงินกู้ระยะยาว 3-8 ปีทั้งนี้ ระยะเวลากู้บวกอายุผู้ขอกู้ต้องไม่เกิน 65ปี

ค่าธรรมเนียม 1. ค่าธรรมเนืยมการจัดการเงินก็ (Front End Fee) 0.50/0 ของวงเงีน
2. ค่าธรรมเนียมการชำระคืนเงินกู้ก่อนกำนนด (Rehnance Fee)ร้อยละ 2 ของภาระหนี้คงค้าง
คุณสมบัติผู้กู้
- เป็นเจ้าของกิจการที่มีสัญชาติไทยและประกอบฐรกิจนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
-ผู้ที่มิได้เป็นเจ้าของกิจการแตมีความแพและประสบการณ์ต่อเนื่องในธุรกิจประเภทเดียวกันในระดับผู้บริหารงานของกิจการ มาไม่น้อยกว่า 1 ปี
- สำหรับเจ้าของธุรกิจแฟรนไชสัทืมีชื่อเสียงดีเป็นที่ยอมรับหรือสำหรันญ้ที่ต้องการจะซี้อแฟรนไชส์ที่มืชื่อเสียงดีเป็นที่ยอมรับในการบรินารงาน
- ผู้ประกอบอาชืพทีมีรายได้ประจำ เช่น แพทย์ สถาปนิกฯผู้กู้ และ/นรือผ้กู้ร่วม หรือผู้ค้ำประกันจะต้องมีร้อยได้ประจำรวมกันไม่น้อยกว่า 30,000 บาท/เดือน

หลักฐานการขอสินเชื่อ(กรณีบุคคลธรรมดา)
-สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ หรือบัตรประจำตัวพนักงานขององค์การรัฐวิสาหกิจของผู้ขอกู้และคู่สมรส
-หนังสือสำศัญการเปลี่ยนชื่อตัว หรือชื่อสกุล ของผู้ขอกู้และคู่สมรส (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ใบมรณะบัตรของคู่สมรส (ถ้ามี)
- กรณีที่ผู้ขอผู้หรือคู่สมรสเป็นบุคคลต่างด้าวให้ใช้หนังสือสำคัญคนต่างด้าว หนังสือเดินทางหนังสืออนุญาตการทำ งาน และหนังสือใบสำคัญถิ่นที่อยู่ โดยถ่ายเอกสารทุกหน้า
- หนังสือยินยอมของคู่สมรสให้ทำนิติกรรม
เอกสารหลักทรัพย์ค้ำประกัน
- สำเนาโฉนดที่ดิน (ถ่ายเท่าฉบับจริงนน้า-หลัง)
- สำเนา น.ส. 3

สินเชื่อธุรกิจรายย่อยของธนาคารนครหลวงไทย เหมาะสำหรับผู้ต้องการลงทุนทำธุรกิจกาแฟในรูปแบบร้าน (stand AlOne) ที่จะต้องใช้ทุนเริ่มแรกประมาณ 800,000- 1,500,000 บาท ซึ่งเป็นร้านที่จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ในกรณีที่คุณจะกู้เงินเพื่อเปิดร้านกาแฟในรูปแบบของแฟรนไชสั การปล่อยกู้ของธนาคารจะพิจารณาจากชื่อเสียงของธุรกิจแฟรนไชส์ต้องดีและเป็นที่ยอมรับในการบริหารงาน อาทิ แบล็คแคนยอนคอฟฟี่เวิลด์ 94 c coffee เป็นต้น
สนใจข้อมูล ติดต่อฝ่ายสินเชื่อธุรกิจรายย่อย ธนาคารนครหลวงไทย
โทร. 0-2220-2406 0-2408-2510 หรือที่ www.SCib.CO.th

ธนาคารกรุงไทย-โครงการสินเชื่อ SME-KTB
เป็นโครงการที่สนับสนุนสินเชื่อสำหรับการลงทุนใหม่หรือผู้ต้องการเงินทุนเพื่อขยายกิจการ และเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการแบบไม่จำกัดวงเงินกู้ โดยผู้ขอกู้ต้องแสดงความจำนงในจำนวนเงินที่ต้องการ ไม่มีการกำหนดวงเงินขั้นต่ำ ซึ่งการอนุมตสินเชื่อทางธนาคารจะพิจารณาจากแผนธุรกิจและความจำเป็นในการใช้เงินเป็นหลัก
สำหรับการพิจารณาปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยเพื่อธุรกิจต่างๆ รวมถึง
ธุรกิจกาแฟนั้นจะเน้นให้กับผู้ต้องการทุนหมุนเวียนมากกว่าการอนุมัติเพื่อเปิดกิจการใหม่
โดยจะพิจารณาจากสถานภาพของกิจการว่าธุรกิจนั้นๆ จะต้องสามารถเลี้ยงตนเองได้
ในขณะที่การอนุมัติสินเชื่อเพื่อการเปิดกิจการใหญ่ยังมีสัดส่วนไม่มาก เนื่องจาก
ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงต่อการเป็นหนี้เสีย ซึ่งขั้นตอนค่อนข้างใช้เวลานาน หากจะให้
ง่ายต่อการพิจารณา ผู้กู้จะต้องเขียนแผนธุรกิจที่มีไอเดียสร้างสรรค์ ไม่เกินตัว และมี
ความเป็นไปได้ทางธุรกิจมานำเสนอกับธนาคาร โดยต้องมีสัดส่วนการลงทุนระหว่างผู้กู้
กับธนาคารอญ่ที่ 70:30 ยิ่งผู้กู้มีทุนส่วนตัวมากเท่าไร ธนาคารก็จะยิ่งมั่นใจและปล่อย
สินเชื่อ ง่าย ขึ้น
ผู้สนใจสามารถติตต่อได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาใกล้สถานที่ประกอบ
การ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ เลขที่ 35
ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 101 10 โทร. 0๊-2208-83R
0-2208-8368 หรือ www.ktb.CO.th

ถาบันการเงินอื่นๆ

1.ธนาคารกสิกรไทย
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 1 ซอย กสิกรไทย ถนนราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ
กรุงเทพฯ 10140 โทร 0-2222-0000 เว็บไซต์ www .kasikornbank .com

2. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 1222 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา
กรุงเทพฯ 10120 โทร 0-2296-3000 Fax 0-2683-1275 call centen 1 572 เว็บไซต์
www. Krungsri. com

3. ธนาคารทหารไทย
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 3000 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจกร กรุงเทพฯ
10900 โทร 0-2299-1 1 1 1, 0-2273-7020 โทรสาร 0-2273&7121, 0-2273-7857 เว็บไซต
www. tmb .co. th

4.ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 9 ถนนรัชดาภิเษก (ใกล้สี่แยกรัชโยธิน) แขวงลาดพร้าว เขต
จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร 0-2544-5678 call center o-2777-7777 เว็บไซต์ www. scb .co. th

5.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 333 ถนนสีลม แขวงช่องนนทรี เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทร 0-2231-4333 โทรสาร 0-2231-4742 เว็บไซต์ www. bangkokbank .com

ที่ปรึกษาทางการเงิน
1.ศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม และประชาชน (ศปง.) ศูนย์กรุงเทพฯ บ้านมนังคศิลา
ถนนหลานหลวง เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10600 โทร 0-2268-0334, 0-2628-1802-3โทรสาร 0-2628-0338 เว็บไซต์ www. Sfac. On. th

2.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)เลขที่ 2922/243 อาคารชาญอิสระทาวเวอร์ 2 ชั้น 18 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่กรุงเทพฯ 10320 โทร 0-2308-2741 โทรสาร 0-2308-2749 เว็บไซต์ www .slcgc. or. th

3.บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม (บอย.)
เลขที่ 475 ขั้น 9 อาคารสรภิญโญ ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400โทร 0-2201-3700-10 โทรสาร 0-2201-3723-4 เว็บไซต์ http://www.sifc/ .co .th
ข้อมูลอ้างอิงจาก : รวยด้วยกาแฟ

2552-10-06

อบรม กาแฟกับ K2


เรียน อบรมกาแฟกับ K2
บริษัท เคทู จำกัด เป็นให้บริการกาแฟครบวงจรอีกหนึ่งแห่งที่สามารถตอบโจทย์ของผู้ประกอบการที่ต้องการเปิดร้านกาแฟสด หรืออยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง
คุณ มีชัย อมรพัฒนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบริษัท K2 จำกัด ผู้มีประสบการณ์คว่ำหวอดอยู่ในวงการกาแฟมากกว่า 20 ปี เน้นว่าปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจกาแฟประสบความสำเร็จ
องค์ประกอบแรกคือ ตัวผู้ประกอบการที่ต้องมีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องกาแฟ สำหรับการบริการของ K2 นั้นไม่ได้บริการเฉพาะเครื่องชงกาแฟเท่านั้น แต่บริการทั้งธุรกิจ เมื่อขายเครื่องไปแล้วต้องมีการติดตามการใช้งาน
ด้วยว่าเครื่องพร้อมที่จะใช้งานได้อยู่เสมอ หรือไม่ องค์ความรู้ต่างๆที่ K2 ให้ความสำคัญนั้นเรียกได้ว่ามีตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเลย ความรู้ต่างๆที่ K2 ให้ความสำคัญได้แก่
1.Green Bean หรือการคัดสรรสายพันธุ์กาแฟเพื่อนำมาปลูกและแปรรูปเป็นกาแฟคุณภาพดี K2 ได้เน้นให้ความรู้แก่เกษตรกร ถึงการปลูกและวิธีการดูแลเพื่อให้ได้กาแฟมีคุณภาพดี
2.ความรู้เรื่องการคั่วกาแฟ K2 ได้เข้าใจหลักการคั่วกาแฟอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งสามารถแนะนำการทำโรงคั่วกาแฟได้ตามมาตรฐาน GMP มีหลักสูตรการฝึกอบรม สำหรับการให้ความรู้เรื่องการคั่วกาแฟโดยเฉพาะ
โดย K2 ให้คำปรึกษาในธุรกิจคั่วกาแฟในแถบ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด เข้าใจพฤติกรรมการบริโภคกาแฟของคนในแถบนี้เป็นอย่างดี สามารถแนะนำและให้คำปรึกษาได้
ความรู้เรื่องการคั่วกาแฟมีความสำคัญมาก ความเข้าใจและการมีความรู้เรื่องกาแฟคั่วทำให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีสามารถแข่งขันกับกาแฟกาแฟต่างชาติได้ เนื่องจากปัจจุบันนี้ต่างชาติเข้ามาแข่งขันกับกาแฟในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
3.Preparation หรือการเตรียมตัวเพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟ K2 มีคอร์สเรียนเพื่ออบรมเจ้าของธุรกิจกาแฟ ครอบคลุมทั้งเจ้าของร้านกาแฟที่ต้องการขยายสาขาและผู้ประกอบการใหม่ที่สนใจธุรกิจกาแฟ

คอร์สอบรมความรู้เรื่องกาแฟแบบครบวงจร ได้แก่
1. Beginner Barista Trainning Class เป็นคอร์สที่ให้การอบรมตั้งแต่ขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ทีสนใจอยากเป็นนักชงกาแฟหรือเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟ โดยแบ่งออกเป็นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติทดลองทำได้จริง เพื่อให้ผู้เรียนมั่นใจหลังจบการอบรม ระยะเวลาการเรียน 2 วัน
สำหรับการเรียนภาคทฤษฎี 1 วันนั้นจะเรียนรู้ทุกอย่างที่มีผลต่อรสชาติกาแฟ รวมทั้งเรื่องการรักษาเครื่องชงกาแฟที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อกาแฟแต่ละถ้วยที่ชง นอกจากนี้ยังเรียนถึงเรื่องการเลือกซื้อกาแฟ การเลือกเครื่องทำกาแฟ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่มีความจำเป็นในธุรกิจกาแฟ รวมถึงการบริหารต้นทุน
เพื่อให้เปิดร้านได้อย่างมั่นใจ

สำหรับการเรียนปฏิบัติ 1 วัน สอนเรื่องการทำ Shot Espresso ให้ perfect และการสตรีมนมซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการทำกาแฟ รวมทั้งเรียนสูตรเครื่องดื่มร้อน เย็น ปั่น และเครื่องดื่มอื่นที่สามารถขายได้ในร้านกาแฟ
2.Late Art Class ลาเต้อาร์ตเป็นปัจจัยที่จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เป็นการใช้ลูกเล่นของบาริสต้า ถึงการโชว์เทคนิคพื้นฐานของการชง เอสเพรสโซ่ที่ดีและการสตรีมนมที่ยอดเยี่ยมการสร้างลวดลายของลาเต้อาร์ตนั้นสามารถพัฒนาต่อยอดได้ไม่มีที่สิ้นสุด ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และจินตนาการของบาริสต้า
3.Cupping Class เป็นอีกหนึ่งหัวข้ออบรมที่ K2 จัดเสริมเข้ามาเพื่อให้ความรู้แก่คนรักกาแฟนอกจากการเรียนรู้เรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับกาแฟแล้ว การชิม และรับรสกาแฟที่ถูกต้อง ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่สามารถพัฒนาไปเป็นนักชิมกาแฟมืออาชีพต่อไปได้
4.คอร์สอบรมสำหรับองค์กร เหมาะสำหรับร้านกาแฟที่ต้องการขยายขายแฟรนไชส์กาแฟ เพื่ออบรมและพัฒนาพนักงาน ให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถไปฝึกอบรมลูกค้าสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ขององค์กรต่อได้
5.คอร์สบาริสต้าสำหรับการแข่งขัน เหมาะสำหรับบาริสต้าที่ต้อการแข่งขันเพื่อชิงรางวัล เป็นคอร์สฝึกอบรมเฉพาะบุคคลเพื่อพัฒนาก้าวไปสู้การแข่งขันระดับอาชีพ
6.คอร์สการคั่วกาแฟอย่างมืออาชีพ เหมาะสำหรับคนทำธุรกิจกาแฟที่ไม่มีความรู้เรื่องการคั่วกาแฟ

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจอยากเข้าอบรมกาแฟกับ K2 สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท เคทู จำกัด 65/6 ซ.โชคชัยร่วมมิตร ถ.วิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 02-276-5170 แฟกซ์ 02-276-5171 หรือที่ www.k2.co.th

2552-10-02

เคล็ดลับการชงกาแฟให้อร่อย



วิธีที่จะช่วยให้การชงกาแฟมีรสอร่อยนั้นมีเคล็ดลับดังนี้


1.เครื่องไม้เครื่องมือในการชงต้องสะอาด


2.น้ำที่ใช้ชงกาแฟต้องเป้นน้ำที่สะอาด ไม่ควรใช้น้ำกระด้างเพราะจะมีแร่ธาตุอื่นๆเจือปนอยู่เยอะ และไม่ควรใช้น้ำกลั่นในการชงกาแฟ


3.อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมสำหรับการชงกาแฟคือ 92-96 องศาเซลเซียส หรือ 94 องศาเวลเซียส เพราะอุณหภูมิขนาดนี้จะสกัด กลิ่นและรสของกาแฟออกมาได้ดี


4.ควรอุ่นถ้วยกาแฟก่อนทุกครั้ง เพื่อรักษาอุณหภูมิของถ้วยกาแฟ เพราะถ้วยกาแฟที่อุ่นจะช่วยให้ ครีมกาแฟ หนาและอยู่คงทนได้นาน


5.หากเครื่องชงเป็นแบบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรอุ่นกาแฟนานเกินกว่า 30 นาที เพราะกาแฟที่อุ่นนานเกิน 15 นาทีคุณภาพจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป คือ กลิ่นไม่หอม รสชาติเปรี้ยวอมขม สีขุ่นไม่ใส


6.ใช้กาแฟที่บดอย่างถูกต้อง สำหรับเครื่องชงกาแฟแต่ละแบบ และใช้กาแฟที่บดสดใหม่อยู่ตลอด


7.ไม่นำกาแฟที่ชงเสร็จแล้วไปอุ่น หรือทำให้ร้อนอีกครั้ง หากดื่มไม่หมด ควรเลือกเก้บในภาชนะท่สามารถเก้บความร้อนได้ดีอย่าง กระติกเก็บรักษาความร้อนได้

2552-09-30

การเป่าโฟมนม

โฟมนมหรือฟองนมจะช่วยเพิ่มรสชาติของกาแฟถ้วยโปรดของคุณได้มากทีเดียว เมื่อนำมาผสมกับกาแฟทำให้ได้รสชาติที่หอมมัน โฟมนมเกิดจากการอัดอากาศเข้าไปในนมจนเกิดฟองฟูขึ้นมา นมที่เหมาะจะนำมาทำโฟมนมได้แก่นมพาสเจอร์ไรซ์ เพราะจะทำให้ฟูได้ง่ายและมีความหอมมันกว่านมแบบ UHT


วิธีการทำโฟมนม

1.นำนมสดพาสเจอร์ไรซ์ ไปแช่เย็น ที่อุณหภูมิประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส

2.เทนมเย็นลงเหยือกสำหรับเป่าโฟมนม ประมาณ 1 ใน 3 ของเหยือก (เหยือกที่ดีควรมีรูปทรงแบบ ฐานกว้างปากเหยือกแคบ) เปิดสวิตซ์ท่อไอน้ำสำหรับเป่าโฟมนมก่อน เพื่อไล่อากาศออก

3.จุ่มท่อไอน้ำลงในเหยือกให้ส่วนปลายท่อจุ่มลงในนม สักประมาณ 0.5-1 นิ้ว เปิดสวิตซ์ท่อไอน้ำเต็มที่

4.ลดระดับเหยือกลง ปลายท่ออยู่ในระดับผิวหน้าของนมเท่านั้น นมจะเริ่มเป็นฟองฟูขึ้น ค่อยๆขยับเหยือกเพื่อให้ปลายท่ออยู่แค่เพียงผิวหน้าของนมเท่านั้น

5.ทำต่อไปเรื่อยๆอย่างประณีต จนโฟมนมเพิ่มขึ้นเป็นครึ่งเหยือก จากนั้นจุ่มปลายท่อไอน้ำลงจนลึกสุด เพื่อให้นมส่วนต่างๆร้อนทั่วเหยือก แต่ระวังอย่าให้ร้อนจนเดือด อุณหภูมิประมาณ 57-65 องศาเซลเซียส หรือ 135-150 องศาฟาเรนไฮต์

6.เมื่อจุ่มปลายท่อไอน้ำลงไปสักครู่โฟมนมจะเริ่มละเอียดเนียน ให้ดึงปลายท่อกลับมาที่ผิวหน้าของนมแล้วจุ่มลงให้ลึกอีก ทำสลับกันไปเรื่อยๆจนโฟมนมละเอียดเนียนได้ที่

7.เมื่อได้โฟมนมละเอียดเนียนตามต้องการ ให้ปิดสวิตซ์ท่อไอน้ำ เอาเหยือกนมออก แล้วเปิดสวิตซ์เพื่อไอน้ำออกจากท่ออีกครั้งหนึ่ง เช็ดทำความสะอาดท่อไอน้ำ ให้สะอาด

2552-09-29

การเลือกถ้วยกาแฟ



ถ้วยกาแฟ
ดื่มกาแฟให้ออกรส ออกชาตินั้นแก้วหรือถ้วยกาแฟนั้น ก็มีส่วนสำคัญไม่ใช่น้อย นอกจากนี้วัสดุที่ใช้ทำถ้วยกาแฟ ก็อาจทำให้กลิ่นและรสของกาแฟผิดเพี้ยนไปได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเราไม่ควร
มองข้ามถ้วยกาแฟไป ว่ากันว่าถ้วนกาแฟที่ดีนั้นควรมีความหนาประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ก้นถ้วยสอบปากถ้วยกว้าง
วัสดุที่ใช้ทำถ้วยกาแฟนั้นต้องไม่ดูดซับกลิ่น และไม่ปล่อยกลิ่นของวัสดุออกมา จะทำให้กาแฟเสียรส และกลิ่นไป วัสดุที่นิยมใช้ทำถ้วยกาแฟนั้นมีหลายชนิด
เช่น เซรามิค พอร์ซเลน ดินเผา แก้วหรือแม้แต่พลาสติก แต่วัสดุที่เหมาะสมสำหรับทำถ้วยกาแฟนั้น ควรเป็น พอร์ซเลน เซรามิคเนื้อดีแข็งแรงทนทาทน ผิวมันเงา ไม่ดูดซึมน้ำ

ชนิดของถ้วยกาแฟแบ่งออกเป็น

1.ถ้วยกาแฟร้อน Hot coffee มีหลายขนาด ตั้งแต่ 7-9 ออนซ์ ขนาดที่เหมาะสมควรเป็น 7 ออนซ์ เพราะเหมาะกับสูตรกาแฟที่ชงในแต่ละครั้ง
2.ถ้วยกาแฟ Espresso มีขนาด 4 ออนซ์
3.ถ้วยกาแฟสไตล์อเมริกัน หรือถ้วย Mug นิยมใช้กับเครื่องที่ชงแบบกรอง ขนาดที่นิยมใช้ คือ ขนาด 12 ออนซ์
4.ถ้วยกาแฟแบบ Latte ส่วนใหญ่นิยมแบบที่ทำจากแก้วใส ตัวถ้วยจะมีหูจับพร้อมกับมาขาตั้ง เพราะกาแฟสูตรนี้จะมีนมผสมอยู่ ขนาดที่นิยมจะเป็นขนาด 12 ออนซ์



สำหรับผู้ที่คิดจะเปิดร้านกาแฟ การเลือกแก้วก็มีส่วนให้ร้านของคุณประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน เพราะการจิบกาแฟอร่อยๆมักจะมีเรื่องของอารมณ์มาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ อย่ามองข้ามการเลือก ถ้วยกาแฟ

2552-09-27

การเก็บรักษาเมล็ดกาแฟคั่วและผงกาแฟ


การเก็บรักษาเมล็ดกาแฟคั่วและผงกาแฟ สำหรับการเก็บรักษากาแฟที่ถูกต้องนั้นจะช่วยรักษา กลิ่นและรสของกาแฟให้คงคุณภาพดีได้ หรือยืดอายุกาแฟออกไปได้อีกนานพอควร หากเก็บรักษาไม่ถูกต้องจะทำให้กลิ่นและรสของกาแฟจาง ชงออกมาไม่อร่อยเหมือนกาแฟที่คั่ว ใหม่วิธีการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟคั่วและผงกาแฟที่ถูกต้องควรทำดังนี้


1.เก็บกาแฟในภาชนะอากาศเข้าได้หรือภาชนะสุญญากาศ

2.ตัวภาชนะควรทำมาจาก แก้วหรือเซรามิกเคลือบ เพื่อป้องกันกลิ่นจากภาชนะที่จะออกมาปะปนกับกาแฟทำให้กลิ่นของกาแฟเพี้ยนไปได้

3.กะปริมาณการใช้กาแฟในแต่ละวัน ให้ใกล้เคียงกับการใช้จริง เพื่อไม่ให้กาแฟเหลือ และเพื่อให้กาแฟที่ชงสดใหม่ตลอด
4.เก็บรักษากาแฟให้พ้นจากแสงแดด ความร้อน และความชื้น เพราะปัจจัยเหล่านี้จะมีผลต่อคุณภาพของกาแฟ
5.หากต้องการเก็บกาแฟเป็นเวลานาน ควรเลือกเก็บโดยการแช่ช่องแข็ง ในตู้เย็นหรือตู้แช่แข็ง โดยต้องเก็บในภาชนะที่ป้องกันความชื้น และป้องกันอากาศเข้าได้6.การซื้อเมล็ดกาแฟคั่วเพื่อมาบดเองนั้น ต้องกะปริมาณในการบดให้พอดีกับการใช้ในแต่ละวัน พยายามอย่าให้เหลือมาก หากไม่จำเป็นเก็บกาแฟในรูปเมล็ดจะรักษาคุณภาพของกาแฟได้ดีกว่ากาแฟผง

2552-09-19

กาแฟโบราณตรา มังกรบิน


กาแฟโบราณตรา มังกรบินกว่า 5 ทศวรรษตำนานกาแฟไทย เริ่มจากคนจีนชื่อ ขี่ลิ้ม แซ่จิว หอบเสื่อผืนหมอนใบ มาจากเมืองจีน มาเสี่ยงโชคยังเมืองไทยและได้มาขายกาแฟตั้งแต่ 2490โดยหุ้นส่วนกันเพื่อนใช้ชื่อว่า กาแฟตรามังกร โดยช่วงแรกขายอยู่แต่ในเขตกรุงเทพฯ ต่อมากิจการดีขึ้นเรื่อยๆและได้แบ่งกิจการกันกับเพื่อนจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นกาแฟตรามังกรบินต่อมา

ยุคที่ 2 คือยุคของลูกชายขี่ลิ้ม ชื่อวรเทพ ได้รับช่วงกิจการของครอบครัวต่อและได้ขยายฐานการตลาดออกมาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวีนออก และได้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมผู้คั่วกาแฟขึ้นมาโดย คุณ วรเทพเป็นเลขาธิการสมาคม ฟันฝ่าวิกฤตต่างๆนาๆมาได้ จนถึงทุกวันนี้

ยุคปัจจุบัน คุณ เอนกเข้ามารับกิจการต่อจากบิดา ได้ขยายสายการส่งกาแฟไปอย่างกว้างขวางจนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้า และได้คุณอำนาจผู้เป็นน้องชายเข้ามาช่วยธุรกิจและได้เปลี่ยนชื่อโรงงาน จากโรงงานกาแฟจิตต์เกษม มาเป็น บริษัท ขจรเกียรติกาแฟ ธุรกิจก็ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด จนปี2543 จึงได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านทางเอเย่นต์เกือบทั่วประเทศ ดังจะเห็นตามที่ต่างๆจะมีชื่อกาแฟมังกรบินให้เห็นคุ้นตาเราอย่างทุกวันนี้ กว่าจะสำเร็จจนได้รับการยอมรับอย่างทุกวันนี้ ล้วนผ่านอุปสรรคมามากมาย นี่คือตำนานกาแฟมังกรบินของไทยกลยุทธ์ทางการตลาดที่ขายแบบลูกทุ่งเข้าถึงลูกค้าเอาใจใส่ผู้จำหน่ายทำให้ลูกค้าเกิดความรู้จักคุ้นเคย ไว้เนื้อเชื่อใจกัน

จุดเด่นของกาแฟมังกรบิน คือรสชาติดี ราคาถูก โรงงานได้มาตรฐาน GMP มีอย. รับรองทำให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพสินค้า กาแฟมังกรบินมีหลายเกรดให้เลือกตามความต้องการ หลักๆจะเน้น อราบิก้าผสมผสานกับโรบัสต้าเพื่อให้ได้รสชาติที่ลงตัว เน้นความเป็นกาแฟโบราณ ได้กลิ่น รส คุณภาพดี ความดำของกาแฟได้จากสีธรรมชาติโดยใช้น้ำตาลทรายขาวเคี่ยวไหม้ ไม่มีสารสังเคราะห์หรือสารเคมีอื่นใดเป็นส่วนผสม ไม่ใส่สารกันบูด เป็นกาแฟโบราณเจ้าแรกที่ได้มาตรฐาน GMP มี อย. รับรองความปลอดภัยและคุณภาพ โรงงานผลิตที่ทันสมัย

ความแตดต่างระหว่างกาแฟโบราณกับกาแฟสด กาแฟสดคือกาแฟดิบที่ผ่านการคั่วแล้วบดแล้วจึงนำมาชงผ่านเครื่องชงกาแฟด้วยสูตรต่างๆ ส่วนกาแฟโบราณนั้น จะแยกกากออกแล้วใช้ถุงชงส่วนของกาแฟอาจจะมีอย่างอื่นผสมอยู่ด้วยเช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวกล้อง งา น้ำตาลทรายขาว เนยเทียม เกลือส่วนสีดำก็ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลจนไหม้ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

สนใจกาแฟโบราณหรือเมล็ดกาแฟสำหรับทำกาแฟสดติดต่อได้ที่
บริษัท ขจรเกียรติกาแฟ จำกัด (โรงงานกาแฟจิตต์เกษม) 94 ม.4 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม โทร.02-814-1059-60แฟกซ์ 02-814-1648

2552-09-17

การแต่งรสเพิ่มกลิ่นในถ้วยกาแฟ



การแต่งรสเพิ่มกลิ่นในถ้วยกาแฟ หากกาแฟ 1 ถ้วยที่ดื่มนั้นมีเพียง กาแฟเอสเพรสโซ่ กับน้ำตาล ก็คงไม่ได้รสชาติที่ดื่มด่ำอะไรมากมายนัก แต้หากลองปรุงรสแต่งกลิ่นลงไปเพียงนิดหน่อยจะทำให้ได้ อรรถรสในการดื่มกาแฟเพิ่มมากยิ่งขึ้นจนวางถ้วยไม่ลงเลยทีเดียว ในบรรดาเครื่องปรุงแต่งรสชาติของกาแฟนั้น
นมและครีมเทียม
จะมาเป็นอันดับต้นๆ เพราะทำให้ได้รสชาติที่กลุ่มกล่อม นุ่มนวล เข้ากันได้ดียิ่งขึ้นยิ่งถ้ามีวิปปิ้งครีม หรือฟองนมมาแต่งหน้าอีกสักหน่อยก็อร่อยอีกเท่าตัว




สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยจากถ้วยกาแฟก็คือ น้ำตาล เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้กันเลยก็ว่าได้ การชงกาแฟต้องมีน้ำตาลเพื่อเบรกรสขมของกาแฟ ทำให้ดื่มได้ง่ายขึ้น น้ำตาลนั้นมีมากมายหลายชนิด น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง น้ำอ้อย ผลึกน้ำตาล ฯลฯ

ช็อกโกแลต ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่จับคู่กับกาแฟได้ดียิ่งนัก จนมีสูตรเฉพาะที่เราเรียกกัน ว่า มอคค่า คนกลุ่มแรกๆที่ได้ลิ้มรส ช็อกโกแลตคือ ชาว เอสเทค (Aztecs) ในประเทศเม็กซิโก กลิ่นและรสของ ช็อกโกแลตเมื่อรวมกันกับกาแฟแล้วทำให้น่าดื่มเพิ่มขึ้นอีกมากนัก หากเติมผงหรือเกล็ดช็อกโกแลตโรยหน้าบนถ้วยกาแฟจะกลายเป็นรสชาติที่ประสานกันได้อย่างลงตัว

เครื่องเทศ การเติมเครื่องเทศนี้จะเป็นการชงกาแฟตามแบบอาหรับที่จะนำผงกาแฟมาต้มในกาชงน้ำ Ibrik โดยจะนำเครื่องเทศอย่าง กระวานหรืออบเชยใส่ลงไปในหม้อต้มด้วยทำให้ได้กลิ่นที่แปลกใหม่ไปอีกแบบ ส่วนรสชาติจะออกไปทางซ่าๆที่ลิ้น
ผลไม้ กลิ่นแลรสของผลไม้เป็นอีก หนึ่งอย่างที่แต่งหน้ากาแฟทำให้ดูหรูหวือหวา เช่น ส้ม เชอร์รี่ สับปะรด สตอว์เบอร์รี่ ลูกพีช ฯลฯ
ถั่วหรือนัทต่างๆ จะช่วยเพิ่มความหอมมันให้ถ้วยกาแฟของคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น อัลมอนด์ พีแคน พีนัท มะคาเดเมีย ฯลฯ ก็เข้ากันได้ดีกับกาแฟ
การรังสรรค์ ตกแต่งแก้วกาแฟก็เป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่หากรู้จักคิดค้น ให้เกิดข้อแตกต่างมีจุดขาย ทำให้อร่อยแตกต่างจากร้านอื่นๆอาจจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านกาแฟของคุณได้ไม่ยาก แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความตั้งใจและเอาใจใส่ลูกค้าซึ่งถือเป็นหัวใจของการบริการลูกค้า เพื่อให้ได้ใจลูกค้าและกลับมาที่ร้านซ้ำแล้วซ้ำอีก

2552-09-12

Hillkoff one stop service ธุรกิจกาแฟ

ธุรกิจกาแฟถ้าพูดถึงตลาดกาแฟทางภาคเหนือ ฮิลล์คอฟฟ์ (Hillkoff) เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของบรรดาคอกาแฟ Hillkoff เป็นเจ้าแรกๆที่เบิกเบิกธุรกิจกาแฟอราบิก้าแท้ 100% ทางภาคเหนือของเราHillkoff ยังส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยภูเขา กว่า 3,000 ครอบครัว ได้มีอาชีพเพาะปลูกกาแฟอย่างจริงจัง และส่งเสริมให้สามารถผลิตกาแฟคุณภาพดี โดยเริ่มการส่งเสริมมาตั้งแต่ปี 2521 หรือกว่า 30ปีแล้วโดยการคัดสายพันธุ์กาแฟอราบิก้าที่มีความสามารถต้านทานโรคสูง เจริญเติบโตได้ดีและให้ผลิตที่มีคุณภาพสูง กว่าจะได้กาแฟคุณภาพดี ต้องผ่านขั้นตอนการเก็บเกี่ยว และกะเทาะเปลือกเพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟดิบ วิธีการที่นิยม ทำมี 2 วิธีคือการแบบแห้ง และแบบเปียก ทางภาคเหนือจะนิยมใช้วิธีเปียกเพราะทำให้ได้เมล็ดกาแฟดิบที่ดี มีคุณภาพสูงเป็นที่ต้องการของตลาด การกะเทาะเปลือกแบบเปียกคือ การนำเมล็ดกาแฟไปแช่น้ำ ทิ้งไว้ 2 คืน แล้วนำขึ้นมาล้างน้ำให้เมือกลื่นๆออกให้หมดเหลือไว้เพียงกะลากาแฟจากนั้นจึงนำกะลากาแฟไปผึ่งแดด เพื่อให้กาแฟมีกลิ่นหอม การตากกาแฟที่ดีควรตากบนแคร่ที่ยกสูงจากพื้นเพื่อไม่ให้มีกลิ่นอื่นปนมากับเมล็ดกาแฟและได้กลิ่นของกาแฟที่แท้จริงการตากควรตากอย่างน้อย 7-10 วัน โดยต้องมั่นพลิกกลับด้านเพื่อไล่ความชื้นและให้เมล็ดกาแฟถูกแดดอย่างทั่วถึง

เมื่อ 5 ปีที่แล้วคุณ นฤมล ทายาทรุ่นที่ 3 ของ ฮิลล์คอฟฟ์ได้นำเสนอเมล็ดกาแฟคั่วคุณภาพดี Hillkoff ออกสู่ตลาด เป็นกาแฟอราบิก้า 100% สายพันธุ์ไทยและกาแฟ Blend ยี่ห้อ ราติก้า (Ratika) เน้นความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟ มี 12 รสชาติ หลังจากออกสู่ตลาดก็ไก้รับการตอบรับอย่างดี และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคนอกจากจะส่งเมล็ดกาแฟไปให้ร้านกาแฟต่างๆแล้ว Hillkoff ยังส่งเมล็ดกาแฟดิบคุณภาพสูง ให้กับทางโรงงานกาแฟสำเร็จรูปในกรุงเทพฯอีกด้วย นอกจากนี้ Hillkoff ยังส่งออกไปจำหน่ายยัง สิงคโปร์และ ออสเตรเลีย อีกด้วย

Hillkoff ยังให้การสนับสนุนผู้ประกอบการร้านกาแฟ ที่ทำธุรกิจกาแฟอยู่แล้วให้สามารถทำธุรกิจได้อย่างมืออาชีพมากยิ่งขึ้น โดยจัดอบรมการทำกาแฟ เพื่อให้สามารถมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจกาแฟ อย่างถ่วงแท้ เมื่อมาอบรมที่ ฮิลล์คอฟฟ์ที่เดียวคุณสามารถกลับไปเปิดร้านกาแฟได้ทันทีโดยผู้เริ่มทำธุรกิจจะได้อบรมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกาแฟ ได้เรียนรู้เรื่องเครื่องทำกาแฟ เครื่องบดกาแฟ การเลือกและการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ การทำ Perfact Shot และ Milk Texturng การชงเครื่องดื่มทั้งแบบร้อนและเย็น และยังสอนการคิดและสร้างสรรค์สูตรกาแฟใหม่ๆเพื่อให้เกิดการพัฒนาทางผลิตภัณฑ์และรสชาติเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดีไซน์ความหลากหลายของรสชาติกาแฟๆได้
ตัวอย่างการดีไซน์รสชาติของกาแฟฮิลล์คอฟฟ์
1.หอมละไม
2.กาแฟคั่วรสอเมริกัน
3.กาแฟคั่วรส มอคค่า/ซิตี้
4.กาแฟคั่วรสอิตาเลี่ยน/เอสเพรสโซ่
5.กาแฟคั่วรสฝรั่งเศส
6.กาแฟคั่วรสไทย

ส่วน ราติก้า กาแฟคั่วปรุงรส ที่มีส่วนผสมระหว่างโรบัสต้าและอราบิก้า ก็มีทั้งหมด 6 แบบ
1.Aor Me Lee คั่วด้วยสูตรเฉพาะจนได้กลิ่นช็อกโกแล็ต หอมนุ่มละมุน
2.Blaze Blend กลมกล่อมลงตัว ในถ้วยเอสเพรสโซ่
3.Royal Blend กลิ่นคล้ายโกโก้ รสออกเปรี้ยวปนฝาด
4.Extreme Blend เข้มข้น สะใจ เติมแต่ง กลิ่นควัน เต็มรสชาติ
5.Classic Blend เหมาะสำหรับทำกาแฟเย็น
6.Supremo Blend รสชาติเข้มข้น หนักแน่น

Hillkoff ทำกาแฟครบวงจรโดยวางตัวเองเป็น one stop service ด้านธุรกิจกาแฟสด พร้อมสนับสนุนผู้ลงทุนทั้ง ด้านเมล็ดกาแฟและอุปกรณ์การทำกาแฟครบวงจรพร้อมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำทางธุรกิจกาแฟผู้

สนใจเปิดร้านกาแฟสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
บริษัทชาวไทยภูเขา ผู้ผลิตกาแฟฮิลล์คอฟฟ์ 66 ถ.ช้างเผือก ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่โทร.053-213-078,053-412-213,081-671-0932 หรือที่ www.hillkoff.com

2552-09-08

จำหน่ายเครื่องชงกาแฟ เครื่องบดกาแฟ

รายชื่อแหล่งจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ เครื่องบดกาแฟ และอุปกรณ์อื่นๆเกี่ยวกับกาแฟ
1. บริษัท เคทู จำกัด 02-5137525,081-834-9160
2. บริษัท คอฟฟี่ทูเดย์ จำกัด 02-538-1753
3. บริษัท วีรสุ วิทยุ จำกัด02-254-8100-8
4. บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด 02-691-2842
5. บริษัท เซเว่นไฟร์ ดิสทริบิวเตอร์ จำกัด 02-412-5394
6. บริษัท วีพีพี โพรเกรส จำกัด 02-876-0291-5
7. บริษัท มิสเตอร์บีน จำกัด 02-715-3640-3
8. บริษัท มินาโกะเอเชีย จำกัด 02-651-3558-9
9. บริษัท จิบตง (1964) จำกัด 02-224-4945
10. บริษัท ยูนิแพค เซ็นเตอร์ จำกัด 02-746-0234
11. คอฟีฟี่ อินดรีม086-533-0703,081-456-0703
12. บริษัท เอ็น แอล คอฟฟี่ อินเตเนชั่นแนล จำกัด 02-525-1657
13. บริษัทจักรวาลภัณฑ์ 02-968-3041-6
14. ช้อยส์คอฟฟี่ 02-246-3650
15. บริษัท ดูนี่ จำกัด 02-257-0919
16. บริษัท PATTA CARAMIC จำกัด 02-650-1144
17. Fresh coffee Road 02-950-5077
18. บริษัทเรืองวาแสตนดาร์ดอินดัสตรี้ จำกัด 02-212-5533
19. ทิพย์ธนาพร จำกัด 02-361-9035-43
20. บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย)จำกัด 02-693-2570
21. บิลเลี่ยน คอฟฟี่ 02-899-4766
22. เชียงรายเพชรไพฑูรย์ จำกัด 02-632-1350
23. บริษัท ไพโก จำกัด 02-5512434-5
24. วิททอเรีย คอฟฟี่ 02-6619446-7
25. บริาท เนตบรายซ์ จำกัด 02-948-6110
26. เอสเพรสโซ่แมนซัพพลาย จำกัด 081-682-2614,02-539-1050

2552-09-06

รายชื่อแหล่งจำหน่ายเมล็ดกาแฟ

รายชื่อแหล่งจำหน่ายเมล็ดกาแฟ และเบอร์โทรศํพท์สามารถติดต่อหาซื้อเมล็ดกาแฟได้จากแหล่งเหล่านี้ ใกล้ที่ไหนก็สามารถติดต่อที่นั่นได้
1. บริษัทดอยช้าง คอฟฟี่ บิสสิเนส จำกัด 02-539-8317
2. สหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร 07-759-9683 9 ต่อ 14
3. Hill-Koff Factov outlet 05-321-3078
4. ร้านแสงทอง 07-789-1099
5. อโรม่า กรุ๊ป 02-933-2353,085-385-556
6. ซีพี คอนซูเมอร์ โปรดักส์ 02249-721-5
7. นครหลวงกาแฟ 02-525-2659
8. กาแฟดีร้อยตะวัน 081-846-3231
9. ร้านทวีทรัพย์ 077-891-214
10. เดอะ กาแฟ การ์เต็ล 0-2954-4850,08-1639-0789
11. บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่โปรดักส์ จำกัด 072-502-794
12. ห้างหุ้นจำกัด โคเฟโฮ (1999) 02-925-5801-2
13. ร้านชำนาญกิจ 077-361-977
14. ร้านสหมิตรพืชผล 077-541-793
15. ห้างหุ้นส่วนจำกัด อึ้งหลี 02-517-1260-2
16. บริษัท เขาช่องอุตสาหกรรม จำกัด 02-326-6700-19
17. ร้านโสภณพืชไร่ 077-253-259
18. บริษัท เอสเอชซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 02-750-2893
19. บริษัท สยามคอฟฟี่บีน จำกัด 089-755-1913
20. Favor Bean coffee 02-7261399 กด 2 ,0818332789
21. ไทยคอมมอดิตี้ จำกัด 077-501-481
22. ร้านเดชาพาณิชย์ 077-311-231
23. บริษัท กมลเทพ เยนเนอร์รัล บิสิเนส จำกัด 02-933-3347-8
24. ร้านกระบี่พืชผล 075-611-434
25. ห้างหุ้นจำกัด ตุงโฮสสโตร์ 02-236-4448
26. โฮริซอน คาเฟ่ 089-459-5607
27. บริษัท โทนีแอนดรูว์แอนด์โค จำกัด 02-233-8088
28. ฮงไถ่ 02-233-5763
29. กลุ่มพัฒนากาแฟตำบลลำเลียง 077-824-280,081-818-7075
30. บริษัท เอกชัยทวี จำกัด 039-458-858
31. ร้านสหสิน 077-240-935

นี่เป็นรายชื่อแหล่งจำหน่ายเมล็ดกาแฟบางส่วนที่ สามารถซื้อเมล็ดกาแฟได้

2552-09-04

สายพันธุ์กาแฟ ชนิดของกาแฟ


หากคิดจะเปิดร้านกาแฟอย่างน้อยๆควรจะต้องมีความรู้เรื่องสายพันธุ์กาแฟว่าแต่ละชนิดเรียกว่าอะไรบ้าง และกาแฟแต่ละสายพันธุ์มีจุดเด่นตรงไหน การทำธุรกิจกาแฟนั้นความรู้เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ผู้ประกอบการต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ เพราะการแข่งขันในธุรกิจนี้มีค่อนข้างสูงหากไม่ขวนขวายหรือแม้แต่หยุดนิ่งกับที่อาจจะตามคนอื่นไม่ทันสายพันธุ์กาแฟนั้นเท่าที่มีบันทึกไว้มีมากกว่า 6,000 ชนิด แต่จะแนะนำสายพันธุ์ กาแฟหลักๆที่เด่นให้รู้จัก 4 สายพันธุ์

1.อาราบิก้า (Arabica) ยอมรับกันว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด มีรสชาติหอม กลมกล่อม และเป็นสายพันธุ์ที่นิยมมากที่สุด กะลากาแฟมีสีเขียวอมเทา มีเมล็ดรูปร่างยาวรี คาดการว่าครองส่วนแบ่งการตลาดราวๆ 75% ของกาแฟทั้งหมด กาแฟสายพันธุ์นี้จะเติบโตได้ดีที่ระดับพื้นที่ความสูงเหนือเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตร อุณหภูมิที่เหมาะแก่การเจริญเติบโต 15-25 องศาเซลเซียส จะมีสารคาเฟอีนประกอบอยู่ราวๆ 1% อายุการเก็บเกี่ยวตั้งแต่เริ่มติดเมล็ดจนถึงผลสุกประมาณ 9 เดือน แหล่งผลิตสำคัญอยู่ที่ทวีปอเมริกาใต้ บราซิล กัวเตมาลา จาไมก้าในเมืองไทยเราจะปลูกกันแถบทางภาคเหนือที่ยอมรับกันว่าเป็นกาแฟชั้นดีได้แก่ กาแฟดอยช้าง กาแฟดอยวาวี จังหวัดเชียงราย และดอยขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่

2.โรบัสต้า หรือเรียกอีกอย่างว่า คานาโฟรา (Robusta/Canaphora) กาแฟพันธุ์นี้จะปลูกง่ายให้ผลผลิตต่อไร่สูง ดูแลง่าย ทนโรคได้ดี แต่ไม่เป็นที่นิยมเท่าอาราบิก้า โรบัสต้ามีขนาดเล็กกว่า อาราบิก้ากะลาสีออกน้ำตาล รูปร่างกลม ส่วนหลังนูน คล้ายหลังเต่า มีปริมาณคาเฟอีน 2-4.5%เนื้อกาแฟมีรสขมกว่าอาราบิก้า และกลิ่นก็ด้อยกว่า จึงนิยมนำมาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป เช่นกาแฟกระป๋อง กาแฟผง หรือนำมาผสมกับอาราบิก้า เกิดเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ นิยมปลูกอยู่แถบแอฟริกาและบางส่วนในเอเชีย ประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนในเมืองไทยจะปลูกแถบภาคใต้ของไทย ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช ยะลา สุราษฏร์ธานี
3.ไลเบริก้า (Liberica) คุณสมบัติลักษณะเดียวกับโรบัสต้า ปลูกมากแถบแอฟริกา ต้นทุนในการปลูกและผลิตกาแฟสูงมาก จึงไม่นิยม นำมาผลิตในเชิงธุรกิจและไม่แพร่หลาย
4.เอ็กเซลซ่า (Excelsa) ทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดีแต่รสชาติไม่ดี จึงไม่เป็นที่นิยมของนักดื่มกาแฟ
นอกจากนี้ยังมีกาแฟอีกประเภทหนึ่งเรียกว่า เบลนด์( Blend) คือการนำกาแฟตั้ง 2 สายพันธุ์มาผสมกันเพื่อให้เกิดกลิ่นและรสชาติหรือสีที่แตกต่างออกไป เช่นนำ อาราบิก้าผสมกับโรบัสต้า หรือใช้อาราบิก้า 2 สายพันธุ์ผสมกัน
การเก็บเมล็ดกาแฟนั้นในบ้านเราทางภาคเหนือจะเก็บกันในช่วง ปลายปี ราวเดือนธันวาถึงต้นปีช่วงเดือนมกราคมหรือปลายเดือนกุมภาพันธ์ กาแฟจะสุกสีแดงเต็มต้น การเก็บกาแฟที่ดีต้องพิถีพิถันในการเก็บ เก็บโดยการใช้มือคัดเก็บเฉพาะเม็ดสีแดงสุกเท่านั้น หากใช้วิธีรุนแรงเช่นรูดทั้งพวงก็จะเป็นการทำร้ายกิ่งกาแฟไปด้วย แต่หากเป็นกาแฟโรบัสต้าทางภาคใต้อาจจะรูดทั้งพวงได้ เพราะทนทานมากกว่ากัน

2552-09-03

แฟรนไชส์กาแฟคอฟแมน


แฟรนไชส์กาแฟคอฟแมนกาแฟสดคุณภาพดี ราคากันเอง เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการมีร้านกาแฟขนาดเล็ก เป็นของตัวเอง เริ่มต้นได้ง่ายๆ สามารถแข่งขันกับแบรนด์ต่างๆได้สบาย
จุดเด่นของแฟรนไชส์กาแฟคอฟแมนคือ
1.ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้า
2.ไม่ต้องเสียเปอร์เซ็นต์การขายรายเดือน / ปี
3.ไม่ต้องคืนอุปกรณ์ เป็นเจ้าของธุรกิจเอง โดยเฟรนไชส์กาแฟ
4.ใช้พื้นที่ในการทำไม่มาก เพียง 2 ตารางเมตรเท่านั้น
5.ใช้เงินลงทุนที่ไม่สูง เริ่มต้นที่ 29,000-95,000 บาทมีให้เลือกหลากหลายแบบ ตามความถนัดและขนาดการลงทุน
6.ใช้แรงงานคน เพียง 1-2 คนในการทำเท่านั้น
7.มีอุปกรณ์ให้พร้อมครบครันดำเนินธุรกิจได้เลย
8.มีการอบรมเรื่องกาแฟ ให้ก่อนการเริ่มดำเนินธุรกิจ
9.ตั้งราคาขายปลีกได้ถูกกว่ากาแฟเจ้าอื่นๆ
10.การชงกาแฟสด จะบดและชงแก้วต่อแก้ว
11.การตั้งร้านและเคลื่อนย้ายทำได้ง่ายๆ12.ให้ผลตอบแทนเร็ว
13.เป็นกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100%
14.ได้รับมาตรฐานจาก อย. สด สะอาด
15.ใช้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพดีเยี่ยมจากภาคเหนือของไทย ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกเรื่องรสชาติ และความหอมนุ่ม
16.ส่งเสริมงานและสร้างรายได้ให้กับชาวเขา และชาวบ้านทางภาคเหนือของเรา
ก่อนทำธุรกิจทางบริษัทจะจัดอบรมให้ทุกอย่างจนสามารถดำเนินธุรกิจได้ด้วยตัวเอง อธิบายละเอียดทุกขั้นตอน การคั่ว การชง การทำธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จต้องทำอย่างไรโดยทดลองทำปฏิบัติจริงที่เคาน์เตอร์ของบริษัทจริงๆ 1 วันเต็มๆ อบรมจนผู้ประกอบการมั่นใจว่าสามรถทำร้านกาแฟได้จริง
สูตรกาแฟที่มีให้ทั้งหมด 5 สูตรมาตรฐาน
1.กาแฟสดไทยๆ
2.กาแฟดำ
3.กาแฟคาปูชิโน
4.กาแฟเอสเพรสโซ
5.กาแฟลาเต้
โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าขนาดกลางลงมา เมล็ดกาแฟที่ทางบริษัทจำหน่ายให้แก่แฟรนไชส์ จะตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 300 บาท โดยสามารถตั้งราคาขายเริ่มต้นที่ 20จะคิดต้นทุนที่ 10 บาท นั่นจะหมายถึงกำไร 100%เลยทีเดียว
รูปแบบการลงทุนของแฟรนไชส์คอฟแมน
1.การลงทุนขนาดเล็ก เงินลงทุน 29,000 บาท เหมาะสำหรับคนที่มีเคาน์เตอร์อยู่แล้ว หรือต้องการอยากลองเปิดร้านกาแฟเพื่อดูทิศทางตลาดก่อนตัดสินใจลงทุนจริง โดยผู้ลงทุนจะได้รับเครื่องบดกาแฟ เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซและอุปกรณ์ในกางต่าง ได้แก่ แก้วกาแฟคอฟแมน 200 ชุด กาแฟ 10 กิโลกรัมต่อกาแฟ 1,000 แก้ว ชา โกโก้ และป้ายเมนูกาแฟ พร้อมฝึกอบรมการเริ่มธุรกิจกาแฟ
2.การลงทุนแบบเคาน์เตอร์ เงินลงทุน 65,000 บาท ผู้ลงทุนจะได้รับเครื่องชงพร้อมบดกาแฟ เคาน์เตอร์ อุปกรณ์การชงกาแฟครบชุด แก้วกาแฟคอฟแมน 200 ชุด กาแฟ 10 กิโลกรัมต่อกาแฟ 1,000 แก้ว ชา โกโก้ พร้อมการฝึกอบรมการเริ่มธุรกิจกาแฟ
3.การลงทุนแบบคีออสก์ เงินลงทุน 70,000 บาท ผู้ลงทุนจะได้รับเครื่องชงพร้อมบดกาแฟ คีออสก์คอฟแมน อุปกรณ์การชงกาแฟครบชุด แก้วกาแฟคอฟแมน 200 ชุด กาแฟ 10 กิโลกรัมต่อกาแฟ 1,000 แก้ว ชา โกโก้ พร้อมการฝึกอบรมการเริ่มธุรกิจกาแฟ
4.การลงทุนแบบมินิบาร์ เงินลงทุน 95,000 บาท ผู้ลงทุนจะได้รับเครื่องชงพร้อมบดกาแฟ มินิบาร์ขนาด 3x3 ตารางเมตร อุปกรณ์การชงกาแฟครบชุด แก้วกาแฟคอฟแมน 200 ชุด กาแฟ 10 กิโลกรัมต่อกาแฟ 1,000 แก้ว ชา โกโก้ พร้อมการฝึกอบรมการเริ่มธุรกิจกาแฟ
นอกจากนี้บริษัทยังช่วยวิเคราะห์ทำเลที่ตั้งร้าน การทำการตลาด ประชาสัมพันธ์ ให้ เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กดำเนินไปได้ด้วยดีและสามารถเติบโตได้
สนใจธุรกิจกาแฟคอฟแมนติดต่อบริษัท คอฟแมน วิภาวดี จำกัด 17/86 ซอยวิภาวดี 58 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โทร.02-579-8130-1

2552-08-31

วิธีทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟ

วิธีทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟเครื่องชงกาแฟก็ต้องการการทำความสะอาดเพื่อให้อายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้นและที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เพื่อให้ได้รสชาติของกาแฟที่สด ใหม่ อร่อยทุกวัน

วิธีการทำความสะอาดประจำวันสำหรับเครื่อง แบบ commercialเมื่อเสร็จงานชงกาแฟในแต่ละวันสิ่งแรกที่ต้องทำคือ
1.การกดปล่อยน้ำออกจากหัวกรุ๊ป จนน้ำที่ไหลออกมาใสสะอาด ไม่มีสีของกาแฟ
2.เคาะผงกาแฟออกจากถ้วยกรอง และล้างทำความสะอาด
3.ถอดถ้วยกรอง โดยการใช้ไขควงปากแบน และล้าผงกาแฟที่ตกค้างออกให้หมด
4.ทำการเปลี่ยน Filter Basket ของก้านชงกาแฟ (Portal Filter)เป็นตะแกรงสำหรับทำ Back Flush หรือทำการใส่ Back Flush Disk ลงบนตะแกรงแบบธรรมดา
5.ใส่ก้านชงกาแฟเข้าที่หัวกรุ๊ป แล้วกดไล่น้ำทิ้งอีกครั้ง
6.ถอดก้านชงออกแล้วเทน้ำทิ้ง
7.เปลี่ยนตะแกรงกลับไปเป็นแบบ Filter Basket เป็นแบบเดิมแล้วล้างทำความสะอาดตะแกรง Back Flush หรือ Back Flush Disk แล้วเช็ดทำความสะอาดให้แห้งก่อนเก็บเข้าที่
8.ทำความสะอาดหัวเป่าโฟมนมด้วยการเช็ดให้สะอาด หรือถ้าเลอะมากๆอาจจะแช่ในน้ำร้อนสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยเช็ดให้แห้ง
9.ปิดเครื่องชงกาแฟ
10.เปิดสวิตซ์ก้านเป่าโฟมนมทิ้งไว้จนไอน้ำหมด
11.รอให้เครื่องเย็นแล้ว ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดที่หัวกรุ๊ปตามซอกให้สะอาด
12.ถอดตะแกรงและถาดรองน้ำออกมาล้างทำความสะอาด แล้วใส่กลับที่เดิม
13.เช็ดตัวเครื่องด้านนอกให้สะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ
วิธีทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟในรอบสัปดาห์
1.ใช้ไขควงถอดหัวกรุ๊ปออก นำส่วนตะแกรงออกมาล้างทำความสะอาด
2.ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดทำความสะอาดตามซอกและด้านในหัวกรุ๊ป
3.ประกอบชิ้นส่วนกลับเข้าตามเดิมให้เรียบร้อย

**ต้องระวังให้มากเวลาขันน็อต อย่าให้แน่นมากจนเกินไป ขันแค่พอตึงมือก็พอเพราะเวลาเครื่องร้อนโลหะจะขยายตัวและจะทำให้แน่นจนครั้งต่อไปอาจขันไม่ออก
ต้องหมั่นใส่ใจทำความสะอาดเครื่องชงเป็นประจำเพราะหากเครื่องชงอยู่ในสภาพที่ไม่สมบรูณ์พร้อมใช้งาน จะมีผลกระทบแต่ธุรกิจร้านการของคุณแน่นอน เครื่องชงกาแฟเป็นอุปกรณ์สำคัญตั้งคอยตรวจเช็คและดูแลให้ดี เท่านี้ก็จะมีเครื่องชงกาแฟที่ดูใหม่และพร้อมใช้งานได้อีกยาวนาน

2552-08-28

รูปแบบร้านกาแฟ


รูปแบบร้านกาแฟนั้นมีหลายรูปแบบ การตัดสินใจก่อนเปิดร้านกาแฟนั้นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายอย่างทั้งเรื่องของเงินลงทุน รูปแบบของร้านกาแฟ การบริหารงาน ว่าจะสามารถจัดการร้านได้ดีมากน้อยเพียงใด การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นทุกวัน การเลือกรูปแบบร้านกาแฟที่เหมาะสมกับตัวเองทำให้เราสามารถบริหารจัดการได้ดีและจะประสพความสำเร็จในที่สุด มาลองดูการแบ่งรูปแบบร้านกาแฟว่าจัดแบ่งออกเป็นได้กี่ประเภทแบบไหนที่เหมาะสมกับการลงทุนในระดับที่เราคิดไว้ในใจ
1. ร้านกาแฟขนาดเล็ก
ร้านกาแฟขนาดเล็ก เกิดขึ้นได้ง่ายและเกิดขึ้นอย่างมากมายในแต่ละวันทำให้ การแข่งขันในระดับนี้แข่งขันกันสูงมาก ระดับเงินลงทุนที่ใช้ไม่มาก เพราะเงินลงทุนใช้เงินระดับ 30,000-80,000 บาทส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบคีออส หรือเป็นซุ้มขายกาแฟ เช่นตามข้างทาง ,ตลาด ,หรือแหล่งชุมชน,ปั๊มน้ำมันเป็นต้น การลงทุนที่ใช้เงินไม่มากนี่เองทำให้ใครๆก็สามารถเข้ามาแข่งขันได้ในตลาดระดับนี้แต่ถึงแม้จะเป็นระดับที่ใช้เงินลงทุนต่ำแต่ก็ต้องอาศัยความรู้และทักษะในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจไปตลอดรอดฝั่งได้ การลงทุนในร้านกาแฟระดับนี้ ข้อได้เปรียบคือ มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรุกเข้าทำเลต่างๆได้ง่ายๆ หรืออาจจะเสริมเข้าไปในธุรกิจอื่นได้เช่น ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านเบเกอรี่ ร้านอาหาร ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีข้อได้เปรียบเรื่องค่าเช่าสถานที่ ที่ถูกกว่า การเลือกทำเลที่ตั้ง และอาศัยพื้นที่ในการดำเนินธุรกิจที่ไม่มากทำให้สามารถลดต้นทุนเรื่องการจัดร้านและสถานที่ได้ ส่วนการตั้งราคาของร้านกาแฟระดับนี้ก็ต้องไม่แพงจนเกินไปเพราะกลุ่มลูกค้าจะอยู่ในระดับ กลาง-ล่าง ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า ในการดื่ม
2.ร้านกาแฟขนาดกลาง
ลักษณะของร้านกาแฟขนาดกลางคือ เป็นลักษณะคอนเนอร์หรือมุมกาแฟ เคาน์เตอร์ มินิบาร์ การลงทุนอยู่ที่ประมาณ 100,000-800,000 บาท มีสถานที่ตั้งที่แน่นอน อาจอยู่ในอาคารหรือสำนักงาน หรือห้างสรรพสินค้า โดยจับกลุ่มลูกค้า วัยทำงานหรือกลุ่มระดับกลางอาจมีชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งดื่มเป็นมุมกาแฟเพียงไม่กี่จุด ร้านกาแฟระดับนี้สามารถตั้งราคาสูงกว่า ร้านขนาดเล็กได้ ค่าเช่าร้านและสถานที่จึงเริ่มเข้ามามีส่วนในการเปิดร้านอยู่มากพอสมควร จึงต้องคำนึงถึงต้นทุนในส่วนนี้ด้วย แต่ลูกค้าที่เข้ามาดื่มก็อาจจะมีมากกว่า ร้านขนาดเล็กและมีกำลังซื้อได้ดีกว่า หากเลือกทำเลที่ดีและเหมาะสม ผู้ลงทุนต้องหันมาใช้เรื่องการบริการเพื่อให้เกิดการภักดีต่อตัวร้านขึ้น ทำให้ลูกค้ากลับมาดื่มอีกร้านกาแฟระดับนี้ต้องใส่ใจเรื่องการบริหารอย่างมาก เพื่อให้ร้านเติบโตไปได้และอาจจะสร้างชื่อได้ไม่แพ้กาแฟแบรนด์จากต่างประเทศเลยก็ได้ การสร้างแบรนด์เริ่มจากร้านกาแฟขนาดนี้ได้เช่นกันร้านกาแฟขนาดกลาง มีโอกาสที่จะสามารถสร้างแบรนด์จนเป็นกาแฟพรีเมี่ยมได้ ยกตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟเขาทะลุ ชุมพร, กาแฟวาวี ,กาแฟดอยช้าง ฯลฯ
3.ร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยม
คือร้านกาแฟสดขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนที่สูง อาจจะใช้เงินลงทุนระดับ ล้านบาทขึ้นไป รูปแบบร้านมีทั้งแบบเช่าสถานที่บนห้าง หรืออาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เน้นเรื่องความสะดวกสบายและบรรยากาศร้าน เพื่อให้นักดื่มกาแฟได้ผ่อนคลายเรื่องการตกแต่งจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้ต้นทุนเรื่องสถานที่สูงกว่าร้านแบบอื่นๆ ลูกค้าจะเน้นลูกค้าในระดับ กลาง-บน รูปแบบการจัดร้านมีสไตล์หรือคอนเซ็ปต์ ที่แน่นอน ใช้หลักความรู้ในการบริหารจัดการร้านที่ดีมีประสิทธิภาพ รักษามาตรฐานการตลาด และเน้นการสร้างแบรนด์จึงทำให้ใช้ทุนดำเนินการที่สูงกว่าร้านในระดับอื่นๆ แต่การตั้งราคากาแฟก็สามารถตั้งได้สูงตามไปด้วย เช่น แก้วละ 60-100 บาท การแข่งขันในร้านระดับนี้ มักจะมีการครองตลาดจากเจ้าของแบรนด์ ทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ ทำให้ร้านกาแฟรายใหม่เจาะตลาดได้ยากผู้ลงทุนที่อยากเปิดร้านกาแฟในระดับพรีเมี่ยมแต่ไม่มีแบรนด์ของตัวเองควรใช้ แฟรนไชส์จะดีกว่า

2552-08-26

กาแฟเขาทะลุ ชุมพร


กาแฟเขาทะลุ ชุมพร
ในธุรกิจกาแฟของเมืองไทย ชื่อของกาแฟเขาทะลุ แห่งจังหวัดชุมพรเป็นที่ยอมรับว่า อยู่ในระดับแถวหน้าของธุรกิจกาแฟ เป็นแบรนด์ที่ส่งเสริมเกษตรกรในท้องถิ่นโดยอาศัยภูมิปัญญาชาวบ้าน ผู้ปลูกกาแฟ และด้วยความมุ่งมั่นมีประสบการณ์คร่ำหวอดใน วงการกาแฟ มากว่า 30 ปี จนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั้งใน และต่างประเทศจนได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพจาก มหาลัยฮาวาด สหรัฐอเมริกา

คุณวิสุทธิ์ ทองคำ เริ่มต้นธุรกิจมาด้วยความมุ่งมั่น ต้องการให้กาแฟไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล และต้องการให้คนไทยได้ดื่มกาแฟ ที่มีคุณภาพดี อีกทั้งยังส่งเสริมให้คนไทยปลูกกาแฟ ให้เป็นอาชีพที่ยั่งยืนให้ได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ เทียมเท่ากับต่างประเทศ จนทุกวันนี้ต่างประเทศให้การยอมรับ สูตรกาแฟของกาแฟขาทะลุจะใช้กาแฟ 2 สายพันธุ์ โดยใช้สูตรดังนี้ กาแฟ 100% ใช้โรบัสต้า 70% อราบิก้าคั่วปานกลาง 15% อราบิก้าคั่วเข้ม 15% ใช้นมและน้ำตาลทรายแดง เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกาแฟเขาทะลุ ส่วนอีกสูตรแบล็กคอฟฟี่ โรบัสต้า ใช้ 90% และอราบิก้าคั่วเข้ม 10% กาแฟสองสายพันธุ์นี้จะดีข้อดีคนละอย่าง ที่ต้องแบ่งสัดส่วนกาแฟเพื่อความกลมกล่อมของรสชาติกาแฟโดยกาแฟเขาทะลุ มีสูตรของตัวเองมากกว่า 30 สูตรลงทุนในราคาประหยัด แต่คุณภาพเกินราคา

กาแฟเขาทะลุ มีจุดเด่นที่เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ และสูตรการชงที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังเน้นการทำตลาด โดยจากประสบการณ์ยาวนาน ทำให้มองทิศทางทั้งเรื่อง นิสัยและพฤติกรรมของผู้บริโภคกาแฟ และเข้าใจการดื่มกาแฟของคนไทย โดยต้องเน้นความอร่อยถูกปากคนไทย ราคาระดับที่ซื้อง่ายขายคล่อง จึงจะทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างยาวนานและประสบความสำเร็จกาแฟเขาทะลุจึงเน้นเรื่อง รูปแบบร้านกาแฟขนาดเล็ก ที่ขายเครื่องดื่มราคาในระดับ 25-40 บาท มีสาขามากกว่า 25 สาขาและมีร้านกาแฟที่รับวัตถุดิบแล้วนำไปขายต่อ อีกจำนวนมาก

กาแฟเขาทะลุเน้นความครบวงจร และมีช่องทางการกระจายสินค้า 3 ทางคือ ร้านกาแฟเขาทะลุของตัวเอง ร้านแฟรนไชส์ และร้านกาแฟอื่นที่มารับซื้อวัตถุดิบ จากกาแฟเขาทะลุ
รูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์กาแฟเขาทะลุ

-ไม่มีค่าแฟรนไชส์

-จำหน่าย กาแฟคั่วบด คั่วไม่บด ให้กับร้านค้าและผู้สนใจทั่วไป

-การลงทุนร้านกาแฟ ลงทุนขั้นต่ำ 60,000 บาท แล้วแต่สถานที่และกลุ่มลูกค้า หรือทำเล

สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ

1.ได้รับอุปกรณ์การทำกาแฟครบชุดพร้อมเปิดร้านดำเนินธุรกิจทันที เครื่องชงแบบ 2 หัว ชงได้ 300-400 แก้ว

2.ได้รับการอบรมเรื่องสูตรกาแฟและการทำธุรกิจ จากกาแฟเขาทะลุ ชุมพร

3.ได้รับการอบรมการทำตลาด ในพื้นที่จะเปิดร้านกาแฟทำธุรกิจ

กาแฟเขาทะลุมีความมั่นใจในเรื่องคุณภาพไม่เป็นรองใคร แต่ผู้ประกอบการต้องมองทิศทางการตลาดและศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคให้ดีเพื่อให้ธุรกิจก้าวหน้าได้และประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

สนใจธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟเขาทะลุ ชุมพรติดต่อได้ที่
45 ซอยอิสรภาพ 3 ถนนอิสรภาพ แขวงสมเด็จพระเจ้าตากสิน เขตคลองสาน ธนบุรี 10600 โทรศัพท์ 081-908-9298,087-009-9405,02-894-7243

2552-08-22

เครื่องบดกาแฟ


เครื่องบดกาแฟ

เครื่องบดกาแฟมีความสำคัญที่ต้องใช้ควบคู่กันกับเครื่องชงและมีมากมายหลายขนาดและหลายราคา เครื่องบดกาแฟที่มีคุณภาพดีจะต้องบดกาแฟได้ระเอียดและขนาดสม่ำเสมอและเครื่องบดต้องไม่ทำลายกลิ่นและรสชาติของกาแฟ การเลือกเครื่องบดกาแฟจึงมีความสำคัญไม่แพ้ เครื่องชง เครื่องบดกาแฟคุณดีควรมีใบมีดขนาด 64 มิลลิเมตรขึ้นไป เป็นขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้กัน นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาความสะดวกในการใช้งาน วัสดุที่ใช้ทำไม่ควรใช้พลาสติก ควรจะเป็นอะลูมิเนียมและชุดเฟืองต่างๆควรจะทำจากโลหะ เพื่อความคงทนในการใช้งานขนาดโถใส่เมล็ดแล้วแต่จะเลือกใช้

ยกตัวอย่างเช่น เครื่องบดกาแฟระดับพรีเมี่ยม Mazzer ที่ร้านสตาร์บัคส์และร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยมเลือกใช้ เครื่องบดกาแฟ Mazzer ผลิตจากประเทศอิตาลี ตัวอย่างเครื่องบดกาแฟ 2 รุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทย คือ Mazzer รุ่น mini และอีกรุ่นคือ Super Jolly ทั้ง 2 รุ่นผลิตจากโลหะคุณภาพดี มีเฟืองบดทำจากเหล็กหล่อชนิดพิเศษ บดได้อย่างสม่ำเสมอ มีมอเตอร์ขนาดใหญ่ บดด้วยรอบความเร็วต่ำทำให้กาแฟไม่เสียคุณภาพ ทั้งกลิ่นและรสชาติ ใช้งานหนักได้ดีไม่เกิดความร้อนสูงขณะใช้งาน ขนาดโถบรรจุ มีขนาด 1.2 กิโลกรัม ในรุ่น Super Jolly และขนาด 0.6 กิโลกรัม ในรุ่น miniส่วนโถบรรจุผงกาแฟก็มีขนาด 5.5-9 กรัม การทำงานเป็นแบบ อัตโนมัติ เครื่องจะหยุดทันทีเมื่อบดกาแฟเต็มภาชนะ
นี้คือตัวอย่างการพิจารณาเลือกเครื่องบดกาแฟเพื่อให้ได้เครื่องที่มีมาตรฐานที่ดีในการทำธุรกิจ แต่ต้องพิจารณาในเรื่องของงบประมาณในการจัดสรรในส่วนนี้ด้วย หากเป็นร้านกาแฟ ขนาดเล็กและเพิ่งเปิดดำเนินการอาจจะลองเลือกเครื่องบด ขนาดย่อมๆลงมาตามงบประมาณ เมื่อธุรกิจเติบโต จึงค่อยปรับเปลี่ยนในภายหลัง

2552-08-18

เครื่องชงกาแฟ


เครื่องชงกาแฟ

เครื่องชงกาแฟที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ แบ่งเป็น 3ประเภทด้วยกัน

1.เครื่องชงกาแฟแบบกรอง (Drip )
แหล่งกำเนิดมาจากฝรั่งเศสตัวเครื่องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนบน และส่วนล่าง ขั้นตอนการชงจะเทน้ำร้อนใส่กรวยด้านบนที่มีกาแฟบดบรรจุอยูให้น้ำร้อนไหลผ่านและค่อยๆหยดลงมาที่โถรองด้านล่าง รสชาติกาแฟที่ได้จะกลมกล่อมเข้มปานกลาง แต่จะมีผงของกาแฟปนลงมาด้วย โดยปกติเครื่องแบบนี้จะใช้ชงกาแฟเอสเพรสโซ
2.เครื่องชงกาแฟแบบสุญญากาศ
ผลิตโดยวิศวกร ชาวสกอต เครื่องชงแบบนี้จะประกอบไปด้วย กระเปาะแก้ว 2 ใบ ตัวกรอง ท่อส่งน้ำ ตะเกียงแบบไซฟ่อน หลายคนบอกว่าเครื่องชงแบบนี้ทำให้ได้รสชาติที่ดีกว่าเครื่องชงแบบอื่นๆแต่เครื่องชงแบบนี้ ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยม
3.เครื่องชงกาแฟแบบแรงดันไอน้ำ ( Espresso Machine)
ประดิษฐ์ขึ้นราวปี ค.ศ.1822 โดยMr.Louis Bernard Rabaut ลักษณะเด่นของเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ คือการใช้แรงดันน้ำร้อนออกมาตามวาล์วและผ่านกาแฟบดในบล็อกกรองแล้วออกมาเป็นน้ำกาแฟที่เข้มข้น จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที เป็นเครื่องที่ได้รับความนิยมใช้เป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้
เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ใช้ในปัจจุบันยังแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ
1.แบบที่ใช้ในบ้าน
เป็นเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กที่ใช้ในบ้าน เหมาะสำหรับการชงไม่กี่แก้ว หรือชงกินเองภายในครอบครัว ราคาไม่แพงเริ่มที่หมื่นบาท ขนาดเล็กกระทันรัด ถอดทำความสะอาดได้สะดวก แต่ข้อด้อยคือคุณภาพของรสชาติกาแฟที่ได้ไม่ได้มาตรฐานเท่ากับเครื่องแบบอื่นๆและต้องใช้เวลาในการชงต่อแก้วที่ยาวนานกว่าเพราะมีหม้อต้มขนาดเล็ก และการสตีมนมช้า ทำให้ต้องเติมน้ำบ่อยๆ และมีหัวกรุ๊ปเพียงอันเดียว ถ้าต้องชงหลายๆแก้วอาจต้องใช้เวลา
2.เครื่องชงกาแฟแบบ Traditional
อาจจะมีชื่อเรียกได้หลายแบบ เช่น เครื่องชงกาแฟแบบ Comercial เครื่องชงกาแฟแบบ Semi-Automatic เครื่องชงกาแฟแบบ Automatic เครื่องชงกาแฟแบบนี้นิยมมากในร้านกาแฟ ชงกาแฟแล้วทำให้ได้รสชาติที่ดี สตีมนม สำหรับคาปูชิโนและลาเต้ได้ดีที่สุดเครื่องชงกาแฟแบบ Traditional มีให้เลือกตั้งแต่ 1-4 หัวกรุ๊ป เครื่องทำงานแบบ ออโตเมติก เพียงกดปุ่มเท่านั้นสะดวกและปลอดภัยต่อการใช้งาน มีระบบตัดความร้อนอัตโมัติ ข้อดีของเครื่องแบบนี้คือ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ชงกาแฟได้รสชาติดี สะดวก ปลอดภัย ใช้งานง่าย แต่ราคาก็อยู่ระหว่าง 100,000 -300,000 บาท ยกตัวอย่างเครื่องชงกาแฟแบบ Traditional ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันได้แก่ยี่ห้อ Conti ผลิตจากประเทศโมนาโก เป็นเครื่องชงกาแฟคุณภาพสูงที่นิยมใช้กันอย่างมาก ในร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยม ยกตัวอย่าง 3 รุ่น

2.1 รุ่นคอนติคลับ (Conti Club) เป็นเครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก มี 1-2 หัวกรุ๊ป ประกอบด้วย ท่อน้ำร้อน 1 ทางและท่อสตีม 1 ทาง จุดเด่นคือมีหม้อต้มขนาดใหญ่ โดยรุ่น 1 หัวกรุ๊ป หม้อต้มขนาด 8 ลิตร รุ่น 2 หัวกรุ๊ป หม้อต้มขนาด 12 ลิตร การที่เครื่องมีหม้อต้มขนาดใหญ่ทำให้ช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำให้คงที่และ มีไอน้ำทำสตีมนมได้อย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ Conti Club ยังมีระบบเติมน้ำอัตโนมัติใช้ระบบไดเร็กอินเจ็คชั่นของมอเตอร์ปั๊มน้ำ ควบคุมด้วยระบบอิเล็คทรอนิกปลอดภัย ตั้งปริมาณน้ำได้ 4 โปรแกรม และยังมีระบบการพรมน้ำบนกาแฟในก้านอัดกาแฟ ทำให้ได้รสชาติกาแฟและกลิ่นกาแฟที่ดี ตัวเครื่องทำจากสแตนเลสสวยงามคงทน ทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะสำหรับร้านกาแฟขนาดเล็ก
2.2 รุ่นซีออส (Xeos) มีตั้งแต่ 2-4 หัวกรุ๊ป หม้อต้มน้ำมีขนาดใหญ่ 14 ,21และ 25 ลิตร จะประกอบไปด้วยท่อน้ำร้อน 1 ท่อ และ 2 ท่อสตีมในเครื่องขนาด 4 หัวกรุ๊ป ท่อสตีมมีหูจับที่กันความร้อนได้ ก้านเปิด-เปิดสตีมเป็นแบบโยก ทำให้ควบคุมสตีมได้คงที่และรวดเร็วมีหลายโปรแกรมควบคุม ใช้งานได้สะดวกและปลอดภัย แผงวงจรอิเล็คทรอนิกเก็บอยู่บริเวณที่มีความร้อนต่ำ ทำให้ยืดอายุการใช้งาน มีระบบตัดและเตือนเมื่อความร้อนในหม้อน้ำสูงและปริมารน้ำน้อยเกินไป ตัวเครื่องทำจากสแตนเลสสตีลอย่างดี ทนทานและสวยงาม
2.3 รุ่นทวินสตาร์ทู ( Twinstar II) ถือเป็นสุดยอดของระบบเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ ที่แตกต่างจากเครื่องอื่นๆ ด้วยระบบมัลติบอยเลอร์ มีหลายหม้อต้ม หม้อต้มมีความจุถึง 20 ลิตร มีให้เลือก 2 หัวกรุ๊ปขึ้นไป ควบคุมอุณหภูมิน้ำอย่างเที่ยงตรง ด้วยระบบสัมผัส ดิจิตอล หน้าจอ LCD ของแต่ละหัวกรุ๊ป แม่นยำสูงทำให้ได้รสชาติกาแฟที่ดี เหมาะกับกาแฟหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีพื้นที่มากสามารถวางเหยือกได้ ทำงานสะดวกสามารถนับจำนวนแก้วที่ลงได้ด้วย มีระบบปิด-เปิด เครื่องอัตโนมัติ มีโปรแกรมเตือนการบำรุงรักษา
3.เครื่องกาแฟแบบ Fully Automatic หรือ Super Automatic
ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กับโรงแรมหรือธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ความสะดวกรวดเร็วในการชง เพราะว่าเครื่องชงแบบนี้ มีทั้งเครื่องบดและเครื่องชงกาแฟอยู่ในตัวเดียวกัน และทำงานด้วยระบบออโตเมติกจึงทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องรสชาติของกาแฟเทียบไม่ได้กับ เครื่องชงกาแฟแบบ Traditional นิยมใช้มากในต่างประเทศ แต่ราคาสูงถึง 300,000 บาทขึ้นไปบางรุ่นอาจเป็นล้านบาท

2552-08-15

ลักษณะเมล็ดกาแฟดิบที่ดี


ลักษณะเมล็ดกาแฟดิบที่ดีกว่าจะมาเป็นกาแฟคุณภาพดี 1 ถ้วย ต้องการคัดสรรเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพดี การสังเกเบื้องต้นนั้น คือ อราบิก้าจะมีรูปทรงที่เรียว โรบัสต้าจะออกทรงกลม แต่จะให้ละเอียดจริงต้องเปิดปากกระสอบดูกัน

การสังเกตลักษณะเมล็ดกาแฟที่ดีนั้น ต้องมีลักษณะดังนี้



  • กลิ่น ต้องไม่มีกลิ่นบูดเน่า หรือกลิ่นอื่นๆ

  • ต้องเป็นกลิ่นของเมล็ดกาแฟเท่านั้น

  • เมล็ดกาแฟที่ดีต้องไม่มีเปลือกกาแฟหรือเมล็ดกาแฟที่กะเทาะเปลือกออกไม่หมด ปนอยู่

  • ความชื้น ต้องมีความชื้นไม่เกิน 13%

  • ต้องไม่มีรอยการกัดแทะของมอด หรือเป็นรูสีของ

  • เมล็ดกาแฟโดยรวม ไม่ควรจะมีสีดำเกินครึ่งของเมล็ดกาแฟทั้งหมด

  • รูปร่างของเมล็ดกาแฟต้องสมบรูณ์คือไม่บิดเบี้ยวเมล็ดกาแฟไม่ควรมีรอยปริแตก

  • ไม่มีส่วนผสมอื่นที่ไม่ใช่เม็ดกาแฟ เช่น กรวดหิน

  • ระยะเวลาการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ หลังการเก็บเกี่ยว อันนี้ต้องอาศัยประสบการณ์พอสมควรว่าจะใช้เมล็ดกาแฟ ที่เก็บเกี่ยวมายนานเท่าใดจะดีที่สุด 6 เดือน 1 ปี 2 ปี

สิ่งที่ต้องใส่ใจอีกอย่างที่จะมองข้ามไม่ได้คือแหล่งที่มาของเมล็ด ว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน เพราะแหล่งกาแฟจากแต่ละที่คุณภาพก็แตกต่างกัน

2552-08-14

การคั่วกาแฟ


การคั่วกาแฟ

การคั่วกาแฟเป็นกระบวนการผลิตกาแฟคั่วบดเพื่อให้ได้รสชาติ และกลิ่นที่เหมาะสมตามความต้องการ ในเมล็ดกาแฟจะประกอบไปด้วย สารต่างๆมากมาย เช่น คาเฟอีน น้ำตาล น้ำมัน ไขมัน โปรตีนวิตามิน น้ำ แป้ง ไฟเบอร์ การคั่วต้องทำให้เมล็ดกาแฟได้รับความร้อนเท่ากันอย่างสม่ำเสมอทุกเมล็ดเท่าๆกัน เมื่อเมล็ดกาแฟ ได้รับความร้อนจะทำให้ น้ำมันหอมระเหย กลิ่น รส ถูกปลดปล่อยออกมาสีของเมล็ดกาแฟจะเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาล ดำ ขยายเมล็ดจะขยายใหญ่ขึ้น น้ำหนักจะลดลงปกติจะใช้อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 200-240 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที เวลาและอุณหภูมิเป็นปัจจัยสำคัญของการคั่วกาแฟ การแบ่ง


ระดับการคั่วกาแฟแยกตามสีของเมล็ดกาแฟได้ 4 ระดับ

1.Light Roast หรือการคั่วอ่อน ใช้อุณหภูมิ 200-210 องศาเซลเซียส เมล็ดกาแฟจะเปลี่ยนจากสีเขียวอมเทาเป็นเหลืองอมส้ม หรือสีน้ำตาลกลาง ความชื้นลดลง ไม่มีน้ำมันเคลือบเมล็ดกาแฟ มีความเป็นกรดสูง มีความเข้มน้อย

2.Medium Roast หรือการคั่วปานกลาง ใช้อุณหภูมิ 210-220 องศาเซลเซียส เมล็ดกาแฟจะเปลี่ยนจากสีเขียวอมเทาเป็นน้ำตาลเข้มขึ้น เข้มกว่าสีอบเชย เมล็ดกาแฟจะมีลักษณะผิวมัน แต่ยังไม่มีน้ำมันเกาะที่ผิวเมล็ดกาแฟ การคั่วแบบนี้ได้แก่ Irich Coffee,American Coffee,Bracilian Coffee,Java Coffee

3.Dark Roast หรือการคั่วแก่ เป็นการคั่วที่อุณหภูมิ สูง 220-240 องศาเซลเซียส เป็นการคั่วกาแฟที่เข้มขึ้นโดยสีกาแฟจะเปลี่ยนจากสีเขียวอมเทาไปเป็นน้ำตาลแก่ จนถึงดำ เมล็ดกาแฟจะมีน้ำมันเกาะทั่วเมล็ดกาแฟ

4.Darkest Roast หรือการคั่วแก่เข้ม เป็นการคั่วที่อุณหภูมิ สูง 220-240 องศาเซลเซียส แต่ใช้เวลานานกว่า เมล็ดกาแฟจะเปลี่ยนจากสีเขียวอมเทาเป็นน้ำตาลเข้มจนถึงดำเข้ม เมล็ดกาแฟจะมีน้ำมันมาเกาะเคลือบทั่วเมล็ดกาแฟ บางชนิดจะมีกลิ่นควันไฟจาการคั่วผสมอยู่ด้วย การคั่วแบบนี้ได้แก่ Espresso Roast,Italian Roast,European Roast,French Roast

2552-08-08

กาแฟ ควรจะสร้างแบรนด์เอง หรือ ซื้อแฟรนไชส์ดี



ข้อดีของระบบแฟรนไชส์คือ

ส่วนใหญ่เป็นระบบที่ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าประสบความสำเร็จ ผู้ลงทุนเพียงนำสูตร และปฏิบัติตามระบบเท่านั้น ไม่ต้องมาลองผิดลองถูกเอง แต่ก่อนการตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ต้องลงมือศึกษาข้อดีข้อด้อยของแฟรนไชส์แต่ละตัวหาข้อเปรียบเทียบ อาจจะลองติดต่อสอบถามผู้ที่ลงทุนอยู่ก่อนแล้วว่า เป็นอย่างไร เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงตามความเป็นจริง ใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุน


อาศัยข้อมูลดังนี้



  • แฟรนไชส์มีความน่าเชื่อถือเพียงใด มีโอกาสที่จะประสบผลสำเร็จหรือไม่

  • พิจารณาส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจ ว่ามีสัดส่วนเป็นที่น่าพอใจหรือไม่

  • แนวโน้มต่อไปในอนาคตเป็นอย่างไร

  • ผู้ขายหรือแฟรนไชส์ซอว์ มีความรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจมากน้อยเพียงใด สามารถถ่ายทอดประสบการความรู้ได้ดี ขนาดไหน

  • ศึกษาสัญญาให้ละเอียดรอบคอบ ผู้ซื้อจะได้รับสิทธิ์ประโยชน์มากน้อย เพียงใด อะไรบ้าง รวมทั้งดูข้อผูกมัดต่างๆว่าเป็นอย่างไร เช่น ลิขสิทธิ์ สูตร การผลิต วิธีการ

  • การฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ

  • ตรวจสอบเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นว่า มีหรือไม่ เช่น เรื่องโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ค่าอบรม ค่าธรรมเนียม อื่นๆ ฯลฯ

  • ศึกษาอายุ สัญญา และการยกเลิก เงื่อนไขการต่อสัญญา ระยะเวลาสัญญา

  • ทดลองคำนวณค่าใช่จ่ายแต่ละเดือนว่ามีอะไร ต้องเสียค่าอะไร จำนวนมากน้อยเพียงไร

  • คำนวณจุดคุ้มทุน กับต้นทุนการลงทุน ความคุ้มค่าดูเรื่อง ราคาอุปกรณ์ มาตรฐาน อายุการใช้งาน

ต้องแน่ใจว่า การตัดสินใจทำธุรกิจของคุณจะสามารถเติบโต และสร้างรายได้ที่คุ้มค่าการลงทุนให้กับตัวคุณเอง ต้องมองในหลายมุม ก่อนตัดสินใจ


2552-08-06

การสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเอง


การสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเอง
การสร้างแบรนด์กาแฟเป็นของตัวเองนั้นเป็นอะไรที่หลายๆคนฝันอยากให้เป็นจริงเพราะ อยากให้ใครรู้จัก ดื่มแล้วติดใจเกิดการบอกปากต่อปาก การมีแบรนด์เป็นของตัวเองเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจ
แต่การสร้างแบรนด์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เจ้าของแบรนด์ต้องมีความรอบรู้ในธุรกิจจนถ่องแท้ รู้เป้าหมาย ว่ากลุ่มลูกค้าคือใคร เพราะลูกค้ากาแฟมีหลากหลาย ต้องพิจารณาได้ว่า แต่ละกลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรการดื่มกาแฟต่างกันอย่างไร
เรื่องการ จัดตกแต่งร้านให้ได้บรรยากาศในการดื่มกาแฟ ก็เป็นเรื่องสำคัญ บรรยากาศ หรูทันสมัย หรือบรรยายกาศแบบผ่อนคลายแวดล้อมด้วยต้นไม้ หรือคลาสสิค แล้วแต่คอนเซ็ปต์ของร้าน เพื่อให้ลูกค้าติดใจ
นอกจากนี้ ตัวรสชาติของกาแฟเองเป็นสิ่งสำคัญมาก การเลือกสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพเป็นหัวใจหลัก ผู้ประกอบการต้องใส่ใจมากๆ นักดื่มกาแฟแต่ละคนจะมีรสชาติกาแฟที่ชอบแตกต่างกันมาก ดังนั้นต้องใส่ใจผู้บริโภคให้มาก เก็บรายละเอียดให้หมด
นอกจากนี้ยังต้องคิดถึงบริการอื่นๆที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอีกด้วย เช่น มีอาหาร หรือขนมอย่างอื่นเสริม ไม่ว่าจะเป็น คุกกี้ เบเกอรี่ แซนวิช เค้ก ฯลฯ หรือ มีบริการอินเตอร์เน็ตให้กับลูกค้า ได้ ก็จะดีมากๆ
สำคัญที่สุด คือ แบรนด์ที่ท่านคิดจะสร้าง ลูกค้าต้องจดจำได้ง่าย มีจุดขาย แตกต่างจากร้านอื่นๆอย่างไร ต้องมีมาตรฐานทั้งทางด้าน สินค้า และบริการเพราะธุรกิจกาแฟ การบริการก็เป็นหัวใจหลักอย่างหนึ่ง

2552-08-04

ร้านกาแฟสัญชาติอินเตอร์


ร้านกาแฟสัญชาติอินเตอร์
ถ้าจะพูดถึงกาแฟแบรนด์ดังจากต่างประเทศไม่มีใครไม่รู้จัก ร้านกาแฟสตาร์บัคส์เป็นกาแฟสดแบรนด์ดังที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเราจนประสบความสำเร็จ
เพราะมีรูปแบบการบริการที่ยอดเยี่ยม และแบรนด์มีความน่าเชื่อถือ รสชาติก็ลงตัวถูกปากชาวไทยอย่างเรา

ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ เป็นกาแฟสัญชาติอเมริกัน ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ก่อตั้งครั้งแรกปี 2514 ปัจจุบันมีมากกว่า 6,000 แห่ง
จาก 30 ประเทศทั่วโลก ด้วยการคัดสรร สุดยอดคุณภาพวัตถุดิบทำให้ครองใจนักดื่มระดับบนได้อย่างต่อเนื่อง

ร้านกาแฟ กลอเรีย จีนส์ เป็นกาแฟสาพันธุ์ อเมริกันเช่นกัน โดยชูจุดขายอยู่ที่การสกัด สารคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟ เพื่อให้นักดื่มที่ใส่ใจสุขภาพแต่หลงใหลรสกาแฟ ได้มีทางเลือกในการดื่ม

ร้านกาแฟโอบองแปง สัญชาติอเมริกาอีกแห่งหนึ่งที่เข้ามาประสบความสำเร็จในบ้านเราโดยสร้างจุดเด่นที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ด้วยตัวเอง การจัดร้านเหมือนร้านสะดวกซื้อ หรือซุปเปอร์มาเก็ต
เพื่อรองรับ สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่

นอกจากนี้ยังมีกาแฟอีกหลายแบรนด์ที่หลั่งไหลเข้ามาทำการตลาดในเมืองไทย โดยอาศัยรูปแบบการทำแฟรนไชส์เพื่อให้สามารถขยายตัว และจัดการได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

2552-08-01

เลือกซื้อแฟรนไชส์กาแฟที่ไหนดี


เลือกซื้อแฟรนไชส์กาแฟที่ไหนดี
การลงทุนเปิดร้านกาแฟนั้นจะรีบร้อนไม่ได้ต้องใจเย็นๆคัดเลือกแฟรนไชส์ซอร์ให้ดี ต้องดูว่าผู้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ผู้ซื้อรายก่อนๆเป็นยังไง ประสบความสำเร็จหรือป่าว
การตัดสินใจลงทุนนั้นต้องอาศัย เม็ดเงินจำนวนเท่าใด เช่น หากเราเลือกลงทุนกับ แบรนด์ดังๆอย่าง แบล็คแคนยอน ก็อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงหน่อย เพื่อแลกกับชื่อแบรนด์และคุณภาพที่ได้
ร้านกาแฟในลักษณะ เป็น คีออส หรือคอนเนอร์ก็มีความน่าสนใจ ในแห่งของการลงทุนที่ไม่มาก และสามารถเพิ่มจำนวนสาขาได้รวดเร็ว ร้านลักษณะนี้ เกิดขึ้นอย่างมากมายใน ปัจจุบันนี้
ยกตัวอย่างร้านในลักษณะนี้ เช่น

1.เดอ ไอยรา เป็นแบรนด์ที่มีประสบการณ์มายาวนานและมีจุดแข็งหลายอย่าง ชูจุดแข็งโดยเป็นกาแฟไทยๆที่ต่างชาติยอมรับ

2.คอฟฟี่แมน วิภาวดี จำกัด มีสาขามากมายทั่วประเทศ กว่า 300 แห่ง แสดงให้เห็นถึงการยอมรับจากผู้ประกอบการที่ให้ความไว้วางใจ ทำธุรกิจ จุดเด่นคือมีเมล็ดกาแฟคุณดี หมุนเวียนให้ลูกค้าใช้ได้ตลอดทั้งปี
กาแฟคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน

3.กาแฟวาวี เป็นอีกหนึ่งแบรนดืไทย ที่เติบโตอยู่ในเขตต่างจังหวัด มีโรงคั่วเมล็ดกาแฟเอง ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพเมล็ดกาแฟได้ดี ปัจจุบันนี้ กาแฟวาวีได้รุกขยายฐานการตลาดเข้ามาในกรุงเทพฯ ทำให้น่าจับมองไม่น้อย

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆแบรนด์ ที่ไม่ได้กล่าวถึง สิงสำคัญไม่แพ้การเลือกแฟรนไชส์กาแฟคือ การมีหัวใจบริการ ต้องได้ใจลูกค้า และมีทำเลที่เป็นต่อ

2552-07-30

แฟรนส์ไชส์ ร้านกาแฟ ทางลัดเถ้าแก่


แฟรนส์ไชส์ เส้นทางลัดสู่การเป็นเถ้าแก่ธุรกิจร้านกาแฟเราอาจเคยมองการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของฐุรกิจร้านกาแฟสดว่าเป็นเพืยงกระแสหรือแฟชั่น เหมือนธุรกิจอื่นๆ ก่อนหน้านี้แต่วันนี้ต้องยอมรับแล้วว่ากาแฟสด กลายเป็นมนต์ขลัง แทรกซึมเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยได้อย่างแนบเนียน การบริโภคกาแฟในรูปแบบต่างๆ ของคนไทยกำลังไล่ดามหลังประเทศผู้นำอย่างอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ไต้หวัน เเต่การเข้ามาสู่ธุรกิจร้านกาแฟสดของผู้ประกอบการรายใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่าง 5 - 7 ปีก่อนแล้ว มีปัจจัยหลายอย่างที่ผู้ประกอบการต้องวิเคระห์โดยเฉพาะความหนาแน่นของร้านกาแฟสดในพื้นที่เดียวกัน ความแข็งแกร่งของแบรนด์ผู้นำในตลาด และการเสาะหาพื้นที่ทำเลทองอย่างไรก็ดาม ปัญหาหนักอกทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้แทบจะหมดไป ไม่ว่าคุณประสบการณ์ในร้านกาแฟมาก่อน หรือยังไม่มีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับธุรกิจกาแฟเลยก็สามารถทำร้านกาแฟได้ เพราะมีเส้นทางลัดรองรับ นั่นก็คือ แฟรนไชส์โดยเฉพาะในรูปแบบของ คีออสกาแฟสด ที่ได้รับความนิยมมากที่สุโดยวิธีดังกล่าวผู้ลงทุนต้องติดต่อซื้อลิขสิทธิ์จากเจ้าของแฟรนไชส์ เมี่อได้สิทธิ์จากเจ้าของแฟรนไชส์แล้วก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจกาแฟได้เลย การเลือกวิธีการลงทุนในธุรกิจกาแฟลักษณะนี้ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์เกี่ยวกับกาแฟมาก่อน ทางเจ้าของแฟรนไชส์กาแฟหรือแฟรนไชส์ซอร์จะเข้ามาบริหารจัดการพร้อมฝึกอบรมให้ทั้งหมดแต่การเลือกลงทุนธุรกิจร้านกาแฟในลักษณะนี้ผู้ลงทุนต้องพิจารณารอบคอบทุกด้าน ทางที่ดีควรมืตัวเลือกที่เป็นแฟรนไชส์กาแฟหลายๆ แห่ง วิเคราะห์ถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละแห่ง พร้อมทั้งศึกษาในรายละเอียดในแต่ละจุดให้ดี หลังจากเลือกจนแน่ใจว่าได้แฟรนไชส์กาแฟที่ดีที่สุดแล้ว ค่อยเริ่มดำเนินการติดต่อซื้อแฟรนไชส์ในลำดับต่อไป

2552-07-29

หลักในการพิจารณาเลือกซื้อแฟรนไชส์กาแฟ


หลักในการช่วยพิจารณาเลือกซื้อแฟรนไชส์กาแฟ สมัยก่อนการจะทำธุรกิจอะไรสักอย่างจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้พี้นฐานเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำ แต่สมัยปัจจุบันได้พัฒนาไปอีกระดับ เพราะธุรกิจแฟรนไชส์เป็นทางเลือกใหม่ที่ซื่งถือว่าเป็นรูปแบบฐุรกิจสำเร็จรูปได้เข้ามาแทนที่ จะเห็นว่าทกวันนี้เพียงแต่มีเงินทุน ก็สามารถสร้างธุรกิจได้อย่างสบาย ไม่ต้องเสียเวลาฝึกฝนเป็นเดีอนหรีอเป็นปีเหมีอนกับสมัยก่อนอีก ต่อไปแต่จุดสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการทำธุรกิจแบบสำเร็จรูปเช่นนี้ก็คือ ควรเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับตนเอง เพื่อให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นมั่นคงคล้ายคู่ชีวิจดังนั้นการเลือกคู่ธรกิจแฟรนไชส์ควรดูถึงจุดเด่นจุดด้อย อย่ามองเพียงเงินลงทุนต่ำเพียงอย่างเดียว แต่ขอให้ดูสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะได้รับ การบริการในอนาคต การให้คำแนะนำและคำปรึกษาต่าง ๆ ในภายหลัง ในเรื่องของราคาควรลงทุนให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ เพราะถ้าเลือกผิดอาจจะไม่ประสบผลสำเร็จได้หรืออาจจะสร้างปัญหาในอนาคตได้เช่นกัน


หลักในการเลือกซื้อแฟรนไชส์มีดังนี้

1. ตรวจสอบความเป็นมารวมทั้งศักยภาพว่าตอบสนองกลุ่มลูกค้าได้ดีเพียงไร รวมถึงระยะเวลาในการคืนทุน ว่าจริงดังคำโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่

2. ตรวจสอบชุดเครื่องมือเบื้องต้นในการลงทุนครั้งแรก

3. ตรวจสอบราคาวัตถุดิบ ข้อบังคับและข้อผูกพันในระยะยาว เพื่อคำนวณต้นทุนและระยะเวลาคืนทุน

4. รายละเอียดการอบรม เมนูต่างๆ ควรทดสอบชิมสูตรต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่ามีเมนูเด็ดเหนือกว่าร้านกาแฟอื่นๆ

5. การให้รายละเอียดสำคัญในการดูแล และบำรุงรักษาเครื่องชงกาแฟของให้มีคุณภาพที่ดีอยู่เสมอ

6. ลักษณะการอบรม ได้ลงมือปฎิบัติจริงกับเครื่องของตนเองหรือไม่

7. การบริการหลังการขาย การรับประกันสินค้า และสต็อคอะไหล่ อุปกรณ์และราคาอะไหล่

8. การจัดส่งสินค้า เงื่อนไขการสั่งชื้อ ความสะดวกรวดเร็วในการจัดส่ง (โดยเฉพาะลูกค้าต่างจังหวัด) รวมทั้งค่าบริการในการจัดส่ง

9. เป็นพี่เลี้ยง สามารถให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาให้คุณได้ตลอดเวลา แนะนำสิ่งที่เป็นเป็นประโยชน์กับการจัดการร้านกาแฟของคุณอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นระบบบัญชี ปัญหาเกี่ยวกับเครื่อง และสูตรการพัฒนาเมนต่าง ๆ ไปอย่างต่อเนี่องปัจจัยต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการรายใหม่ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ เพื่อจะได้เปิดธุรกิจร้านกาแฟอย่างมีมาตรฐาน


นี่พอจะเป็นแนวทางเพื่อช่วยในการตัดสินใจสำหรับท่านที่อยาก เริ่มต้นมีธุรกิจร้านกาแฟได้บ้าง

2552-07-28

รู้จักธุรกิจกาแฟกันสักนิด ก่อนคิดจะเปิดร้าน


รู้จักธุรกิจร้านกาแฟ ก่อนคิดจะเปิดร้านกาแฟ ด้วยความหอมหวนของมูลค่าตลาดที่สูงถึง 2 หมื่นล้านบาทและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาดกาแฟไทย จึงเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั้งไทยและเทศ และเนื่องจากการเปิดร้านกาแฟมีโมเดลที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ทุนสักก้อน ทำเลดีๆ สักแห่ง ก็สามารถเป็นเจ้าของร้านกาแฟได้แล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่จะเห็นร้านหรือซุ้มกาแฟแทบทุกมุมถนน แต่ถ้าคิดจะรวยด้วยกาแฟแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักตลาด อ่านเกมให้ขาดแบบรู้เขารู้เรา เพื่อนำไปปรับใช้หรืออย่างน้อยก็เป็นความรู้ก่อนการลงทุน
ร้านกาแฟแบรนด์อินเตอร์ ร้านกาแฟนอกที่เข้ามาจับจองตลาดกาแฟสดบ้านเรามีไม่น้อย และส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากมีแบรนด์น่าเชื่อถือแล้ว รสชาติและรูปแบบการให้บริการชั้นยอดก็เป็นที่ถูกอกถูกใจนักกาแฟไม่น้อย จนเริ่มขยายไปยังตลาดภูมิภาคด้วย เช่น ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกา ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี นับจากก่อตั้งครั้งแรกที่อเมริกา ปี 2514 จนมีร้านกาแฟกว่า 6,000 แห่งใน 30 ประเทศทั่วโลก บวกกับจุดขายที่คัดสรรคุณภาพวัตถุดิบจากต่างประเทศ ทำให้ร้านสตาร์บัคส์ได้รับความนิยมและครองใจลูกค้าระดับบนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ร้านโอบองแปง ร้านกาแฟร่วมสัญชาติอเมริกัน สร้างจุดต่างด้วยรูปแบบที่เหมือนร้านสะดวกซื้อ หรือซูเปอร์มาเก็ต ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ด้วยตนเอง กลอเรีย จีนส์ ธุรกิจแฟรนไชส์ จากอเมริกาที่ชูวิธีการสกัดคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟ โดยวิธี Swiss Water สูตรเฉพาะของ กลอเรีย จีนส์ เพื่อคงรสชาติเดิมของกาแฟไว้ให้อย่างดี มาเป็นจุดขายจนประสบความสำเร็จทั่วโลก นอกจากร้านกาแฟจากต่างประเทศอาศัยระบบแฟรนไชส์มาควบคุมมาตรฐานให้สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วแล้ว นักลงทุนต่างชาติอีกไม่น้อยที่เห็นช่องว่าง จึงเข้ามาลงทุนในตลาดกาแฟไทย เช่น คอฟฟี่เวิลด์ ซึ่งถือว่าเป็นร้านกาแฟสดคุณภาพที่คอกาแฟนิยมยอมรับในรสชาติ จุดเริ่มต้นมาจากการร่วมลงทุนระหว่างชาวไต้หวันและอังกฤษ ผู้ชื่นชอบในรสชาติของเครื่องดื่มเอสเพรสโซ และใช้เมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้า ซึ่งปลูกในประเทศไทย จึงทำให้กาแฟของคอฟฟี่เวิลด์ ราคาถูกกว่าร้านกาแฟที่นำเข้าเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศ
ร้านกาแฟแฟรนไชส์ สายพันธุ์ไทยpp ปัจจุบันกาแฟสดที่มีคนไทยเป็นเจ้าของกิจการมีมากมาย ตั้งแต่ร้านขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เช่น ร้านแบล็คแคนยอน, บ้านใร่กาแฟ , คาเฟ ดิโอโร่, Caffe D’Lana และ Post Café เป็นต้น ซึ่งแต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ร้านแบล็กคอนยอนที่ฉีกแนวการขายกาแฟ ด้วยการขายกาแฟควบคู่กับอาหาร จะจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ระดับบน มีจุดขายที่ความสดใหม่ของกาแฟ ด้วยการชงกาแฟ 1 ซองต่อ 1 แก้ว แบล็คแคนยอนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำของร้านกาแฟสไตล์ Coffee & Restaurant บ้านใร่กาแฟ ร้านกาแฟระบบแฟรนไชส์ที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของตัวอาคารทรงไทยโมเดิร์น ภายใต้แนวคิด “สวนแห่งการดื่มกาแฟ” และผสานยุทธวิธีป่าล้อมเมือง เจาะลงพื้นที่ปั๊มน้ำมัน ทำให้บ้านใร่กาแฟกลายเป็นร้านกาแฟชั้นนำภายในเวลาไม่นาน คาเฟ ดิโอโร่ คือ อีกหนึ่งธุรกิจร้านกาแฟสดคุณภาพ ซึ่งควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ ตั้งแต่เริ่มปลูกต้นกาแฟ คัดเมล็ด การคั่ว บด จนถึงกลั่นเป็นน้ำกาแฟเข้มข้น เน้นกาแฟคั่วสดสไตล์อิตาเลียน ยึดพื้นที่ในปั๊มน้ำมันเชลล์ Caffe D’Lanna ร้านกาแฟล้านนาชั้นดีจากเทือกเขาสูงล้านนาไทย จุดขายอยู่ที่คุณภาพและรสชาติ ส่วนรูปแบบร้านกาแฟ มีทั้งคีออสก์และคอฟฟี่คอร์เนอร์แอนด์แซนด์วิชบาร์ ส่วนใหญ่จะเปิดอยู่ในศูนย์การค้าหรืออาคารสำนักงาน Post Café เป็นการนำร้านกาแฟกับธุรกิจไปรษณีย์มารวมกัน ภายใต้สโลแกน “บริการกาแฟสด ขายความคิดถึง รับส่งความห่วงใย”

2552-07-26

ธุรกิจร้านกาแฟกับแนวโน้มการตลาด



ร้านกาแฟกับแนวโน้มการตลาด ไม่นานมานี้พบว่า ธุรกิจร้านกาแฟมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันระหว่างธุรกิจร้านกาแฟรายใหญ่จากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในบ้านเรา ทำให้วงการธุรกิจร้านกาแฟคึกคักอย่างเห็นได้ชัด และในขณะเดียวกันก็ปลุกกระแสคอกาแฟที่เดิมนิยมดื่มกาแฟผงสำเร็จรูปให้หันมาดื่มกาแฟสดมากขึ้น จากผลการสำรวจโดย บริษัทศูนย์วิจัยกสิกร จำกัด พบว่า พฤติกรรมการดื่มกาแฟของคนไทยนับตั้งแต่ปี 2545-2548 มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 100 %


ปี กาแฟผง กาแฟกระป๋อง กาแฟพรีเมี่ยม มูลค่าตลาดรวม

ปี 2545 5,600 6,000 3,000 10,000

ปี 2546 7,800 6,300 3,500 17,000

ปี 2547 8,500 6,600 4,000 19,100

ปี 2548 9,300 7,000 4,700 21,000

การบริโภคกาแฟของคนไทยยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ คือ บริโภคน้อยกว่าร้อยละ 0.5 กิโลกรัม/คน/ปี หรือ ประมาณ 130-150 ถ้วย/คน/ปี หรือ ไม่ถึง 1 แก้ว/คน/วัน หรือถ้าเทียบเป็นอัตราส่วนของผู้บริโภคแล้ว คนดื่มกาแฟจะมีประมาณ ร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับชาวญี่ปุ่นที่ดื่มกาแฟเฉลี่ย 500 แก้วต่อคนต่อปี หรือชาวอเมริกันที่ดื่มกาแฟเฉลี่ย 700 แก้วต่อคนต่อปี ซึ่งจากการประเมินตัวเลขดังกล่าว ทำให้นักธุรกิจหลายคนมองว่า ตลาดกาแฟสดมีโอกาสทะลุระดับ 7,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มองการดื่มกาแฟเป็นสิ่งที่แสดงรสนิยมมากขึ้น สำหรับธุรกิจ SMEs แล้ว หากใครสามารถแบ่งส่วนการตลาดมาแค่ร้อยละ 5-10 ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่อย่าลืมว่า ก่อนเปิดธุรกิจกาแฟ สิ่งสำคัญที่มือใหม่ต้องทำ คือ ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคให้ชัดเจน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 25-40 ปี และในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถสร้างจุดเด่นของร้านให้แตกต่างกับแบรนด์เจ้าตลาด หรือ คนที่ทำมาก่อน ทั้งในสูตรการคั่วกาแฟ การปรุงรส เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคอกาแฟ

กาแฟไทยในอดีต

ในอดีตเราทุกคนคงเคยเห็น ภาพการชงกาแฟโดยใช้ถุงผ้า ตักน้ำร้อนลวกผ่านถุงผ้าได้น้ำกาแฟที่เข้มข้น เติมน้ำตาล เติมนม กินกับปาท่องโก๋ ตอนเช้าจะมีผู้คนมารวมตัวพบปะพูดคุย กันที่ร้านกาแฟจนกลายเป็นสภากาแฟ แต่ปัจจุบันนี้ หาบรรยากาศแบบนั้นได้ยากเต็มที