2552-10-16

กาแฟดอยช้าง



กาแฟดอยช้าง



จากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงต้องการให้พัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวเขา เพื่อเปลี่ยนดอยปลูกฝิ่นเป็นถิ่นปลูกกาแฟ เมื่อปี 2512 ได้มีการริเริ่มโครงการปลูกพืชเมืองหนาว
เพื่อต้องการ ลดการถางป่าทำไร่เลื่อนลอยและลดการปลูกฝิ่นพืชเสพติดลง พื้นที่ดอยช้างเป็นพื้นที่ดีเหมาะสมเป็นอย่างมากสำหรับการปลูกกาแฟ เพราะอากาศที่เหมาะสมและพื้นดินที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ
และมีความสูง 1,200-1,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศที่เย็นตลอดทั้งปีเป็นสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะปลูกกาแฟ ทำให้กาแฟดอยช้างเป็นกาแฟที่ดีมีคุณภาพระดับโลก และสามารถสร้างงานและอาชีพให้ชาวเขา
ทำให้มีอาชีพที่แน่นอน
ระยะแรกพี่น้องชาวไทยภูเขาถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง แต่ก็ต้องยอมจำทนเพราะข้อจำกัดหลายๆอย่าง คุณ วิชา พรหมยงค์ และคุณ ปรชัย พิสัยเลิศ หรือ อาเดล ต้องการสร้างความยั่งยืนให้พี่น้องและไม่ต้องการการเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง จึงเริ่มจัดตั้งกลุ่มเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชน จึงได้จัดตั้งบริษัทขึ้น ชื่อ บริษัท ดอยช้าง เฟรช โรสเต็ด คอฟฟี่ จำกัด จัดธุรกิจแบบครบวงจร ทั้ง การปลูก การเก็บเกี่ยว การผลิต แปรรูป จัดส่งออก โดยการร่วมมือลงแรงกันของพี่น้องชาวเขา ทำให้องค์กรนี้แข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับ ว่าเป็นกาแฟที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถือเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟ สายพันธุ์อราบีก้าแท้ 100% แหล่งสำคัญของไทย เพราะได้รับการคัดสรรสายพันธุ์มาอย่างดีจากนักวิชาการเกษตรของไทย จนได้สายพันธุ์ที่ดีเยี่ยม ประกอบลักษณะทางภูมิศาสตร์ ที่มีความสูงพอเหมาะอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ทำให้กาแฟสุกช้า เมล็ดกาแฟจึงสะสมสารอาหารและแร่ธาตุได้นานเพิ่มขึ้น
ทำให้กาแฟของดอยช้างได้คุณภาพและมีขนาดที่สมบรูณ์ นอกจากความเหมาะสมของพื้นที่การปลูกแล้ว การดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอนการผลิตและแปรรูป โดยผู้เชี่ยวชาญนักวิชาการเกษตร ทั้งในและต่างประเทศ ทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูกใต้ร่มเงาไม้ใหญ่และเลือกเก็บเมล็ดกาแฟที่สุกด้วยมือทีละเมล็ด การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของกาแฟดอยช้าง การตาก การสี การเก็บบ่มอย่างถูกวิธี บนพื้นที่สูงนานกว่า 8 เดือน และการคั่วเมล็ดกาแฟอย่างถูกวิธีจากเครื่องคั่วที่ได้มาตรฐาน ทำให้ได้รส และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากกาแฟที่อื่น จนทำให้กาแฟดอยช้างได้รับรางวัลรับรองคุณภาพจาก สมาคมกาแฟชนิดพิเศษแห่งยุโรป (Specialty Coffee Association of Europe) และสมาคมกาแฟชนิดพิเศษแห่งอเมริกา (Specialty Coffee Association of America)
ซึ่งกาแฟชนิดพิเศษนี้ จะผลิตออกมาในแต่ละปี 5-6 % ของกาแฟจากทั่วโลกเท่านั้น
และเพื่อรองรับนักดื่มกาแฟจากทั่วโลกทำให้การผลิตกาแฟดอยช้างแบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1.กาแฟพีเบอร์รี่ คัดเฉพาะกาแฟโทน หรือกาแฟเมล็ดเดี่ยว ซึ่งยอมรับกันว่าเป็นกาแฟที่ที่มีคุณภาพดีที่สุดเพราะได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ เพราะกาแฟปกติจะมี 2 เมล็ดใน 1 กะลา ทำให้รสชาติที่กลุ่มกล่อมนุ่มนวล ถูกใจคอกาแฟที่ชอบความโดดเด่นของกาแฟ
2.กาแฟออร์แกนิค เป็นกาแฟที่ปลอดจากสารเคมีใดๆทุกขั้นตอนตั้งการปลูกไปจนถึงการแปรรูปมาเป็นเมล็ดกาแฟ เพื่อรองรับกลุ่มผุ้ดื่มที่ใส่ใจตัวเอง กาแฟกาแฟออร์แกนิคผ่านการรับรองจาก USDA ว่าปลอดภัย กาแฟดอยช้างแบบออร์แกนิคนี้มีวางจำหน่ายอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ มากกว่า 1,500 แห่ง
3.กาแฟพรีเมี่ยม เกรด AA เป็นเมล็ดกาแฟที่มีขนาดใหญ่ 7 มิลลิเมตร คั่วในระดับ Dark Roast ได้กาแฟที่เข้มข้น ตาแบบฉบับเฉพาะของกาแฟดอยช้าง
4.กาแฟพรีเมี่ยม เกรด A เป็นเมล็ดกาแฟที่มีขนาดใหญ่ 6 มิลลิเมตร(กาแฟทั่วๆไป 5.5 มิลลิเมตร)เป็นเกรดกาแฟที่นำมาเสิร์ฟให้ลูกค้าในร้านดอยช้าง

กาแฟดอยช้างกว่า 95% ถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศเนื่องจากคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกและมีกลุ่มนักดื่มที่แบ่งประเภทกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้กาแฟดอยช้างยังแตกไลน์ ชื่อแบรนด์ Ego เป็นเมล็ดกาแฟเกรดรองลงมาเพื่อรองรับผู้ประกอบการที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต เป็นรองกาแฟเกรดพรีเมี่ยมเพียงขนาดเมล็ดเท่านั้น แต่ทุกขั้นตอนการผลิตมาจากแหล่งเดียวกัน
ล่าสุดนี้กาแฟดอยช้างได้เปิดตัวการอบรมกาแฟชื่อว่า " อะคาเดมี่ " ให้การอบรมเรื่องกาแฟแบบครบวงจรบนดอยช้าง โดยผู้ที่สนใจอยากเรียนรู้ตั้งแต่ขบวนการเก็บเกี่ยวจนถึงการแปรรูป ซึ่งจะเปิดเพียงปีละครั้งในช่วงการเก็บเกี่ยวเท่านั้น เปิดหลักสูตรแรก ปี 2551

สนใจข้อมูลและต้องการสั่งซื้อเมล็ดกาแฟจากดอยช้างติดต่อได้ที่
39/545 หมู่ 13 แขวง/เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10240 โทร. 02-539-6240, 02-539-6246, 087-7131-1919 แฟกซ์: 02-539-6240 หรือที่ www.doichaangcoffee.com

2552-10-14

แฟรนไชส์ โมเดิร์นคอฟฟี่

แฟรนไชส์ โมเดิร์นคอฟฟี่


การเปิดร้านกาแฟนั้นต้องมีความรู้เรื่องกาแฟ มีศาสตร์ต่างๆมากมายที่ต้องทำความเข้าใจกับธุรกิจนี้ ก่อนเปิดร้านผู้ประกอบการต้องผ่านการอบรมเรื่องกาแฟ
เพื่อจะทำให้มีความเข้าใจในธุรกิจลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันนี้มีสถานฝึกอบรมกาแฟเกิดขึ้นมากมายให้เลือกเรียนได้อย่างไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการจะเลือกจากแหล่งใด
โมเดิร์นคอฟฟี่ คอร์เปอเรชั่น เป็นอีกหนึ่งในผู้ให้บริการ จัดหาวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการทำร้านกาแฟ พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจร้านกาแฟ คุณปุญชรัศมิ์ รัตนวรเสฏฐ์ ผู้บุกเบิกกาแฟแบรน เดอะ คอฟฟี่เมคเกอร์และโมเดิร์นคอฟฟี่ ประสบการณ์ในวงกากาแฟกว่า 20 ปี
โดยจุดแข็งของโมเดิร์นคอฟฟี่ คือการประยุกต์ความรู้ที่ได้รับมา ได้แก่ QSC
Q-quality คุณภาพ,รสชาติ
S-Service การบริการที่รวมถึง ความรวดเร็ว รอยยิ้มและความสง่างาม
C-Cleanliness ความสะอาด ถูกหลักอนามัย ใส่ใจผู้บริโภค

โมเดิร์นคอฟฟี่ มีความเข้าใจถึงผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการเปิดร้านกาแฟเองแต่ทุนทรัพย์ไม่มากพอ จึงต้องหาความรู้จากการเข้ารับการอบรมเพื่อมาสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง โมเดิร์นคอฟฟี่เป็น บริษัทที่ครบวงจรเรื่องกาแฟ
ทั้งการผลิตและจำหน่ายเมล็ดกาแฟคุณภาพ ให้การฝึกอบรมแก่ผู้ประกอบการที่สนใจอยากจะเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง โมเดิร์นคอฟฟี่ ถือเป็นรายแรกของเมืองไทยที่จัดให้มีการอบรมเรื่องกาแฟ
โมเดิร์นคอฟฟี่จัดอบรมกาแฟให้ผู้ประกอบการฟรีๆ โดยใส่ใจว่าเรื่องการเรียนรู้ถือเป็นหัวสำคัญในการประกอบธุรกิจกาแฟ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำกลับไปปฏิบัติได้จริง หลักสูตรการบอรมจะเน้นเรื่องของ รสชาติกาแฟ ความสะอาด และเรื่องการบริการ
สอนกันแบบไม่มีกั๊กความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องกาแฟ คุณปุญชรัศมิ์ รัตนวรเสฏฐ์ และ คุณเปรมเกีรยติ ซึ่งเป็นอาจารย์จากศูนย์อบรมอาชีพและธุรกิจ มติชน
ซึ่งมีลูกศิษย์ที่ผ่านการอบรมและไปประกอบอาชีพธุรกิจกาแฟมาแล้วกว่า 100 รุ่น ระยะเวลาในการอบรมเพียง 1 วันโดยจะแบ่งออกเป็น ภาคทฤษฏีและปฏิบัติเพื่อให้ผู้เรียนได้ลงมือทำเอง รวมทั้งเรียนรู้เรื่องสูตรต่างๆของกาแฟมากมาย
โมเดิร์นคอฟฟี่เล็งเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ ผู้ประกอบการต้องมีความรู้ก่อนลงทุนเพราะปัจจุบันนี้การแข่งขันในธุรกิจกาแฟนั้นมีสูงมาก หากไม่ใส่ใจเรื่องความรู้และไม่ศึกษาอย่างต่อเนื่องจะทำให้อยู่ในธุรกิจได้และไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ
นอกจากให้การอบรมแก่ผู้สนใจในธุรกิจกาแฟแล้ว โมเดิร์นคอฟฟี่ ยังมีโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ เดอะคอฟฟี่เมคเกอร์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจและมีทุนในการดำเนินธุรกิจตามแบบฉบับของโมเดิร์นคอฟฟี่
แฟรนไชส์ เดอะคอฟฟี่เมคเกอร์นั้นมีให้เลือก 2 รูปแบบ
1.แบบคอฟฟี่คอนเนอร์ ขนาดพื้นที่ 20-40 ตารางเมตรประกอบไปด้วยค่าแฟรนไชส์ 200,000 บาท ค่าตกแต่งภายในและอุปกรณ์ขั้นต่ำ 600,000 บาท ค่า Royalty Fee 50,000 บาท/ปีระยะเวลาสัญญา 3 ปี
2.แบบคอฟฟี่ช็อป ใช้พื้นที่ 50-100 ตารางเมตร ค่าแฟรนไชส์ 400,000 บาท ค่าตกแต่งร้านขั้นต่ำ 1,500,000 บาท ค่า Royalty Fee 100,000 บาท/ปี สัญญา 5 ปี

การลงทุนทั้ง 2 รูปแบบสามารถเปิดร้านได้ภายใน 30 วัน ค่า Royalty Fee จัดเก็บครั้งเดียว/ปี ไม่ได้คิดตามสัดส่วนเปอร์เซ็นต์การขายในแต่ละเดือน
เงื่อนไขในการชำระค่าใช้จ่ายแบบคอฟฟี่ช็อปแบ่งเป็นชำระค่า Franchise Fee 400,000 บาท ในวันทำสัญญา พร้อมชำระค่าร้านและอุปกรณ์งวดที่ 1 จำนวน 1,000,000 บาท จากนั้นชำระค่าร้านและอุปกรณ์งวดที่ 2 จำนวน 250,000 บาท หลังการก่อสร้างเสร็จ
50 % ชำระค่าร้านและอุปกรณ์งวดที่ 3 จำนวน 250,000 บาท และค่า Royalty Fee ล่วงหน้า 1 ปี ก่อนเปิดร้าน 1 วัน

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่
บริษัทเดอะ คอฟฟี่เมคเกอร์ จำกัด เลขที่4 ซ.สามัคคี 58/18 ถ.ประชาชื่น ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทร. 02-573-5080,02-980-0712 Fax 02-980-0399
E mail :thecoffeemaker@thai.com , punchrat.r@hotmail.com

2552-10-12

สินเชื่อ/เงินกู้ สำหรับเปิดร้านกาแฟ


สินเชื่อ/เงินกู้สำหรับเปิดร้านกาแฟ

เงินกู้หรือสินเชื่อนั้นมาความสำคัญสำหรับการทำธุรกิจ ผู้ประกอบการ อาจไม่ประสบความสำเร็จตามที่ได้คาดหวังไว้ ผู้ที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจกาแฟนี้ จึงควรศึกษาข้อมูลบางส่วนไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินศักยภาพของผู้ลงทุนและความพร้อมของเงินทุนการวางแผนและเตรียมความพร้อมเรื่องเงินลงทุน แหล่งของเงินลงทุน และทุนสำรองยามฉุกเฉิน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้
อย่างคล่องตัว โดยเฉพาะภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน ซึ่งอาจทำให้การดำเนินธุรกิจไม่เป็นไปตามความคาดหมาย ดังนั้นผู้ลงทุนอาจด้องพึ่งพิงแหล่งเงินทุนอื่นๆ เช่น เงิน
ทุนส่วนตัว สินเชื่อของสถาบันการเงิน สินเชื่อในรูปแบบลิสซิ่ง หรือสินเชื่อนอกระบบ
การขอสินเชื่อกับสถาบันทางการเงิน มักจะเป็นอันดับต้นๆ ที่ผู้ลงทุนจะเข้าไป
ขอความช่วยเหลือ ทั้งในกรณีที่ทุนส่วนตัวไม่เพียงพอ หรือขาดสภาพคล่องในการดำเนิน
กิจการ ในส่วนของสถาบันการเงินโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ ก็ขยายการให้บริการ
ทางการเงินให้กับกลุ่มธุรกิจและลูกค้ารายย่อยมีโอกาสเข้าถึงนเหล่งเงินทุนได้มากขึ้นจากอดีต
สำหรับธนาคารที่โดดเด่นในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้สนใจจะลงทุนในธุรกิจกาแฟนั้น พอจะรวบรวมข้อมูลและรายละเอียดได้ ดังนี้

สินเชื่อสานฝันสู่อาชีพของธนาคารออมสิน
สำหรับผู้ประกอบการแต่มีความตั้งใจที่จะเป็นผู้ประกอบการเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตต่อไป แต่กล้าๆ กลัวๆ ที่จะไปขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เพราะยังมีคุณสมบัติ (proflle) ด้อยกว่า หรือมีความเสี่ยงเครดิตที่สูงเกินกว่าธนาคารพาณิชย์จะปล่อยกู้ได้ สินเชื่อสานฝันฝันสู่อาชีพของธนาคารออมสินเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ
สินเชื่อนี้จะปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการใหม่ เพื่อใช้เป็นทุนหรือทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานอื่นๆ ที่จำเป็น โดยมีจำนวนเงินให้กู้ได้ไม่เกินรายละ 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบื้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน (อัตราดอกเบี้ยคงที่) ระยะเวลาชำระคืนเงินเว้นละดอกเบี้ยเป็นงวดรายเดือนไม่เกิน 5 ปี (ปลอดการชำระเงินต้น และดอกเบี้ย 3 เดือนแรก)

ตารางแสดงการชำระหนี้ สินเชื่อสานฝันปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน
กู้15 เดือนผ่อน 12 งวด /กู้27 เดือนผ่อน 24 งวด/กู้39 เดือน ผ่อน 36 งวด/กู้ 51 เดือน ผ่อน 48 งวด/กู้63 เดือนผ่อน 50 งวด
5,000/ 480 /264 /193 /157 /136
6,000 /575 /318 /232/ 189 /163
7,000/ 671 /371/ 270/ 220/ 191
8,000 /767 /423 /309/ 252 /217
9,000/ 836 /476 /348/ 284/ 245
10,000/ 958/ 530/ 386/314/ 272
11,000 /1,055 /582/425/ 346/ 299
12,000 /1,150 /635 /463/378/ 326
13,000 /1,246 /688 /502 /409 /354
14,000 /1,342 /741 /541 /441 /380
15,000 /1,438 /794 /580 /472 /408
20,000 /1,917 /1,058 /773 /630 /543
30,000 /2,875 /1,588 /1,158 /944 /815
40,000 /3,833 /2,117 /1,544 /1,258 /1,087
50,000 /4,792 /2,646 /1,931 /1,573 /1,358

คุณสมบัติผู้กู้ที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษนอกเหนือจากเป็นบุคคลสัญชาติไทย
อายุ 20 ปีบริบูรณ์ และเมื่อรวมระยะเวลาในการชำระคืนเงินกู้แล้วไม่เกิน 65 ปี ต้อง
ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการสินเชื่อสานฝันฟูอาชีพ มีถิ่นที่อยู่หรือสถานที่ประกอบการที
แน่นอนสามารถติดต่อได้ และไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือมีหนี้สินล้นพ้นตัว สิ่งที่สำคัญ
คือต้องผ่านการฝึกอบรมในการประกอบอาชีพจนสามารถเป็นผู้ประกอบการอาชีพนั้นๆได้
หรือเป็นผู้ที่มีประสบการณ์พื้นฐานในอาชีพที่จะประกอบการได้ หรือมีประสบการณ์ใน
การประกอบอาชีพมาก่อนและต้องการเปลี่ยนอาขีพ หรือประกอบอาชีพเสริม เพื่อเป็น
การยืนยันว่าคุณมีพื้นฐานในอาชีพนั้นจริง
สินเชื่อนี้เหมาะสำหรับผู้ต้องการลงทุนในธุรกิจกาแฟแบบรถเข็น (cart) ที่ใช้
ทุนเริ่มต้นหลักหมื่นแต่ไม่เกินหลักแสน ผู้ที่สนใจสามารถยื่นเรื่องขอสินเชื่อในโครงการ
ได้ที่ธนาคารออมสินสาขาใกล้สถานที่ประกอบการ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที
ธนาคารออมสิน สำนักงานใหณ่ ถนนพหลโยธิน สะพานควาย เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทร 02-299-8000 ต่อ 2110-3 call center 1115 หรือที่ www .gsb .or .th

สินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์ SME BANK
สินเชื่อสำหรับลงทุนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์โดยเฉพาะ โดยให้ทั้งสินเชื่อ
แฟรนไชซอร์ (Franchisor) เพื่อเป็นเงินลงทุนในการดำเนินธุรกิจฐระบบแฟรนไชสั หรือ
ขยายกิจการเดิมในระบบแฟรนไชสั และปล่อยกู้สำหรับคนที่ต้องการลงทุนซื้อธุรกิจในรูป
แบบแฟรนไชซี (Franchlsee) มาดาเนินกิจการ โดยการให้กู้ยืมจะมีระยะเวลา (Term Loan
กู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 5 ปี
วงเงินกู้ต่อราย (ทั้งกรณีผู้รับสิทธิ์และผู้ให้สิทธิ์) เริ่มต้นตั้งแต่ 50,000 บาท ไม่เกิน 100 ล้านบาท (ยกเว้นผู้กู้เป็นครอบครัวของผู้ประกอบการรถแท็กซี่ที่ใช้สินเชื่อ
โครงการพัฒนาแท็กซี่ไทยของธนาคารกำหนดวงเงินฤ้ขั้นต่ำต่อรายตั้งแต่ 10 000บาทขึ้นไป
นอกจากนี้ SME BANK ยังมีวงเงินกู้ตั้งแต่ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
วงเงินกู้ตั้งแต่ 500,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท และมีวงเงินกู้เงินกว่า 1 ,000,000
บาท ส่วนคุณสมบัติของผู้กู้ Franchisee จะต้องมีเงินลงทุนเป็นของตนเองในกิจการฟวนหนึ่ง
และผ่านการวิเคราะห์เบื้องต้นจาก SME BANK สำหรับ Franchlsor นั้นต้องถือสัญชาติไทย
และถือหุ้นอยู่ไมน้อยกว่าร้อยละ 51 ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด พร้อมทั้งมีเงินลงทุนเป็นของ
กันเองในกิจการไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของมูลค่าโครงการที่เสนอต่อธนาคาร

คุณสมบัติและหลักเกณฑ์ของผู้ขอกุ้กรณีอื่นๆจำแนกได้ดังนี้
-เป็นข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่ระดับ 4 ขึ้นไป หรือเทียบเท่าจำนวน 2 คน หรือตั้งแต่ระดับ 6 ขึ้นไป หรือเทียบเท่า จำนวน 1 คน
-เป็นพนักงานผู้มีรายได้ประจำของบริษัทหรือองค์กรเอกชน ซึ่งมีระยะเวลาการทำงานไม่น้อยกว่า 1 ปี และมีรายได้สุทธิปรากฏในสลิปเงินเดือนไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของวงเงินที่ค้ำประกัน จำนวน 1 คน
-เป็นผู้มีอาชีพอิสระซึ่งดำเนินกิจการมาไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยมีรายได้สุทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของวงเงินสินเชื่อที่ค้ำประกัน จำนวน 1 คน ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นลูกหนีหรือผู้ค้ำประกันสินเชื่ออื่นอยู่กับธนาคาร
-ยกเว้นลูกหนี้รายที่ประวิตการผ่อนชำระดี ไม่มียอดค้างชำระ สามารถเข้าร่วมค้ำประกันได้ แต่ภาระการค้ำประกันเมื่อรวมกับยอดหนี้ที่มีอยู่ขณะนั้นา ต้องไม่เกินวงเงินว้สูงสุดต่อรายที่ธนาคารประกาศกำหนด
ส่วนอัตราดอกเบี้ย (ทั้งกรณีผู้กู้ที่เป็นผู้รับสิทธิ์ และข้ให้สิทธิ์) ทาง SME BmK
กำหนดไว้ คือวงเงินกู้ตั้งแต่ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท หากมีหลักทรัพย์ค้ำ
ประกันเพียงพอ คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR+1 0/0 ต่อปี กรณีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียง
พอ (มีส่วนที่ขาดหลักทรัพย์) คิดดอกเบี้ยใน อัตรา MLR+2 .50 0/0 ต่อปี กรณีวงเงินกู้เกินกว่า
1,000,000 บาท พิจารณาตามหลักเกณฑ์การอำนวยสินเชื่อปกติของธนาคารผู้สนใจสามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ SME BANK สาขาย่อยจตุจักร ปิ่นเกล้าลาดกระบัง หรือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยสำนักงานใหญ่เลขที่ 475 อาคารสิริภิญโญ ชั้นที่ 9 ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
10400 โทร 0-2201- 3700-10 call center 1357 หรือที่ www .smebank. co. th

ธนาคารนครหลวงไทย-สินเชื่อธุรกิจรายย่อย SCIB-S ( SCIB-Small Busines Lending)
สินเชื่อสำหรับกิจการ ร้านค้าทั่วไป และผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการเงินลงทุน ฉละ
เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม โดยมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน อนุ๖ิต
วงเงินได้อย่างรวดเร็วในรูปของเงินกู้ระยะยาวที่สามารถผ่อนชำระเป็นรายเดือนี ละเงิน
ทุนหมุนเวียน (o/D) โดยรายละเอียดต่างๆ มีดังนี้

วงเงิน 300,000-10,000,000 บาท
ระยะเวลา เงินกู้ระยะยาว 3-8 ปีทั้งนี้ ระยะเวลากู้บวกอายุผู้ขอกู้ต้องไม่เกิน 65ปี

ค่าธรรมเนียม 1. ค่าธรรมเนืยมการจัดการเงินก็ (Front End Fee) 0.50/0 ของวงเงีน
2. ค่าธรรมเนียมการชำระคืนเงินกู้ก่อนกำนนด (Rehnance Fee)ร้อยละ 2 ของภาระหนี้คงค้าง
คุณสมบัติผู้กู้
- เป็นเจ้าของกิจการที่มีสัญชาติไทยและประกอบฐรกิจนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
-ผู้ที่มิได้เป็นเจ้าของกิจการแตมีความแพและประสบการณ์ต่อเนื่องในธุรกิจประเภทเดียวกันในระดับผู้บริหารงานของกิจการ มาไม่น้อยกว่า 1 ปี
- สำหรับเจ้าของธุรกิจแฟรนไชสัทืมีชื่อเสียงดีเป็นที่ยอมรับหรือสำหรันญ้ที่ต้องการจะซี้อแฟรนไชส์ที่มืชื่อเสียงดีเป็นที่ยอมรับในการบรินารงาน
- ผู้ประกอบอาชืพทีมีรายได้ประจำ เช่น แพทย์ สถาปนิกฯผู้กู้ และ/นรือผ้กู้ร่วม หรือผู้ค้ำประกันจะต้องมีร้อยได้ประจำรวมกันไม่น้อยกว่า 30,000 บาท/เดือน

หลักฐานการขอสินเชื่อ(กรณีบุคคลธรรมดา)
-สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ หรือบัตรประจำตัวพนักงานขององค์การรัฐวิสาหกิจของผู้ขอกู้และคู่สมรส
-หนังสือสำศัญการเปลี่ยนชื่อตัว หรือชื่อสกุล ของผู้ขอกู้และคู่สมรส (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ใบมรณะบัตรของคู่สมรส (ถ้ามี)
- กรณีที่ผู้ขอผู้หรือคู่สมรสเป็นบุคคลต่างด้าวให้ใช้หนังสือสำคัญคนต่างด้าว หนังสือเดินทางหนังสืออนุญาตการทำ งาน และหนังสือใบสำคัญถิ่นที่อยู่ โดยถ่ายเอกสารทุกหน้า
- หนังสือยินยอมของคู่สมรสให้ทำนิติกรรม
เอกสารหลักทรัพย์ค้ำประกัน
- สำเนาโฉนดที่ดิน (ถ่ายเท่าฉบับจริงนน้า-หลัง)
- สำเนา น.ส. 3

สินเชื่อธุรกิจรายย่อยของธนาคารนครหลวงไทย เหมาะสำหรับผู้ต้องการลงทุนทำธุรกิจกาแฟในรูปแบบร้าน (stand AlOne) ที่จะต้องใช้ทุนเริ่มแรกประมาณ 800,000- 1,500,000 บาท ซึ่งเป็นร้านที่จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ในกรณีที่คุณจะกู้เงินเพื่อเปิดร้านกาแฟในรูปแบบของแฟรนไชสั การปล่อยกู้ของธนาคารจะพิจารณาจากชื่อเสียงของธุรกิจแฟรนไชส์ต้องดีและเป็นที่ยอมรับในการบริหารงาน อาทิ แบล็คแคนยอนคอฟฟี่เวิลด์ 94 c coffee เป็นต้น
สนใจข้อมูล ติดต่อฝ่ายสินเชื่อธุรกิจรายย่อย ธนาคารนครหลวงไทย
โทร. 0-2220-2406 0-2408-2510 หรือที่ www.SCib.CO.th

ธนาคารกรุงไทย-โครงการสินเชื่อ SME-KTB
เป็นโครงการที่สนับสนุนสินเชื่อสำหรับการลงทุนใหม่หรือผู้ต้องการเงินทุนเพื่อขยายกิจการ และเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการแบบไม่จำกัดวงเงินกู้ โดยผู้ขอกู้ต้องแสดงความจำนงในจำนวนเงินที่ต้องการ ไม่มีการกำหนดวงเงินขั้นต่ำ ซึ่งการอนุมตสินเชื่อทางธนาคารจะพิจารณาจากแผนธุรกิจและความจำเป็นในการใช้เงินเป็นหลัก
สำหรับการพิจารณาปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยเพื่อธุรกิจต่างๆ รวมถึง
ธุรกิจกาแฟนั้นจะเน้นให้กับผู้ต้องการทุนหมุนเวียนมากกว่าการอนุมัติเพื่อเปิดกิจการใหม่
โดยจะพิจารณาจากสถานภาพของกิจการว่าธุรกิจนั้นๆ จะต้องสามารถเลี้ยงตนเองได้
ในขณะที่การอนุมัติสินเชื่อเพื่อการเปิดกิจการใหญ่ยังมีสัดส่วนไม่มาก เนื่องจาก
ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงต่อการเป็นหนี้เสีย ซึ่งขั้นตอนค่อนข้างใช้เวลานาน หากจะให้
ง่ายต่อการพิจารณา ผู้กู้จะต้องเขียนแผนธุรกิจที่มีไอเดียสร้างสรรค์ ไม่เกินตัว และมี
ความเป็นไปได้ทางธุรกิจมานำเสนอกับธนาคาร โดยต้องมีสัดส่วนการลงทุนระหว่างผู้กู้
กับธนาคารอญ่ที่ 70:30 ยิ่งผู้กู้มีทุนส่วนตัวมากเท่าไร ธนาคารก็จะยิ่งมั่นใจและปล่อย
สินเชื่อ ง่าย ขึ้น
ผู้สนใจสามารถติตต่อได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาใกล้สถานที่ประกอบ
การ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ เลขที่ 35
ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 101 10 โทร. 0๊-2208-83R
0-2208-8368 หรือ www.ktb.CO.th

ถาบันการเงินอื่นๆ

1.ธนาคารกสิกรไทย
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 1 ซอย กสิกรไทย ถนนราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ
กรุงเทพฯ 10140 โทร 0-2222-0000 เว็บไซต์ www .kasikornbank .com

2. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 1222 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา
กรุงเทพฯ 10120 โทร 0-2296-3000 Fax 0-2683-1275 call centen 1 572 เว็บไซต์
www. Krungsri. com

3. ธนาคารทหารไทย
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 3000 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจกร กรุงเทพฯ
10900 โทร 0-2299-1 1 1 1, 0-2273-7020 โทรสาร 0-2273&7121, 0-2273-7857 เว็บไซต
www. tmb .co. th

4.ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 9 ถนนรัชดาภิเษก (ใกล้สี่แยกรัชโยธิน) แขวงลาดพร้าว เขต
จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร 0-2544-5678 call center o-2777-7777 เว็บไซต์ www. scb .co. th

5.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 333 ถนนสีลม แขวงช่องนนทรี เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทร 0-2231-4333 โทรสาร 0-2231-4742 เว็บไซต์ www. bangkokbank .com

ที่ปรึกษาทางการเงิน
1.ศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม และประชาชน (ศปง.) ศูนย์กรุงเทพฯ บ้านมนังคศิลา
ถนนหลานหลวง เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10600 โทร 0-2268-0334, 0-2628-1802-3โทรสาร 0-2628-0338 เว็บไซต์ www. Sfac. On. th

2.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)เลขที่ 2922/243 อาคารชาญอิสระทาวเวอร์ 2 ชั้น 18 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่กรุงเทพฯ 10320 โทร 0-2308-2741 โทรสาร 0-2308-2749 เว็บไซต์ www .slcgc. or. th

3.บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม (บอย.)
เลขที่ 475 ขั้น 9 อาคารสรภิญโญ ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400โทร 0-2201-3700-10 โทรสาร 0-2201-3723-4 เว็บไซต์ http://www.sifc/ .co .th
ข้อมูลอ้างอิงจาก : รวยด้วยกาแฟ

2552-10-06

อบรม กาแฟกับ K2


เรียน อบรมกาแฟกับ K2
บริษัท เคทู จำกัด เป็นให้บริการกาแฟครบวงจรอีกหนึ่งแห่งที่สามารถตอบโจทย์ของผู้ประกอบการที่ต้องการเปิดร้านกาแฟสด หรืออยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง
คุณ มีชัย อมรพัฒนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบริษัท K2 จำกัด ผู้มีประสบการณ์คว่ำหวอดอยู่ในวงการกาแฟมากกว่า 20 ปี เน้นว่าปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจกาแฟประสบความสำเร็จ
องค์ประกอบแรกคือ ตัวผู้ประกอบการที่ต้องมีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องกาแฟ สำหรับการบริการของ K2 นั้นไม่ได้บริการเฉพาะเครื่องชงกาแฟเท่านั้น แต่บริการทั้งธุรกิจ เมื่อขายเครื่องไปแล้วต้องมีการติดตามการใช้งาน
ด้วยว่าเครื่องพร้อมที่จะใช้งานได้อยู่เสมอ หรือไม่ องค์ความรู้ต่างๆที่ K2 ให้ความสำคัญนั้นเรียกได้ว่ามีตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเลย ความรู้ต่างๆที่ K2 ให้ความสำคัญได้แก่
1.Green Bean หรือการคัดสรรสายพันธุ์กาแฟเพื่อนำมาปลูกและแปรรูปเป็นกาแฟคุณภาพดี K2 ได้เน้นให้ความรู้แก่เกษตรกร ถึงการปลูกและวิธีการดูแลเพื่อให้ได้กาแฟมีคุณภาพดี
2.ความรู้เรื่องการคั่วกาแฟ K2 ได้เข้าใจหลักการคั่วกาแฟอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งสามารถแนะนำการทำโรงคั่วกาแฟได้ตามมาตรฐาน GMP มีหลักสูตรการฝึกอบรม สำหรับการให้ความรู้เรื่องการคั่วกาแฟโดยเฉพาะ
โดย K2 ให้คำปรึกษาในธุรกิจคั่วกาแฟในแถบ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด เข้าใจพฤติกรรมการบริโภคกาแฟของคนในแถบนี้เป็นอย่างดี สามารถแนะนำและให้คำปรึกษาได้
ความรู้เรื่องการคั่วกาแฟมีความสำคัญมาก ความเข้าใจและการมีความรู้เรื่องกาแฟคั่วทำให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีสามารถแข่งขันกับกาแฟกาแฟต่างชาติได้ เนื่องจากปัจจุบันนี้ต่างชาติเข้ามาแข่งขันกับกาแฟในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
3.Preparation หรือการเตรียมตัวเพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟ K2 มีคอร์สเรียนเพื่ออบรมเจ้าของธุรกิจกาแฟ ครอบคลุมทั้งเจ้าของร้านกาแฟที่ต้องการขยายสาขาและผู้ประกอบการใหม่ที่สนใจธุรกิจกาแฟ

คอร์สอบรมความรู้เรื่องกาแฟแบบครบวงจร ได้แก่
1. Beginner Barista Trainning Class เป็นคอร์สที่ให้การอบรมตั้งแต่ขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ทีสนใจอยากเป็นนักชงกาแฟหรือเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟ โดยแบ่งออกเป็นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติทดลองทำได้จริง เพื่อให้ผู้เรียนมั่นใจหลังจบการอบรม ระยะเวลาการเรียน 2 วัน
สำหรับการเรียนภาคทฤษฎี 1 วันนั้นจะเรียนรู้ทุกอย่างที่มีผลต่อรสชาติกาแฟ รวมทั้งเรื่องการรักษาเครื่องชงกาแฟที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อกาแฟแต่ละถ้วยที่ชง นอกจากนี้ยังเรียนถึงเรื่องการเลือกซื้อกาแฟ การเลือกเครื่องทำกาแฟ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่มีความจำเป็นในธุรกิจกาแฟ รวมถึงการบริหารต้นทุน
เพื่อให้เปิดร้านได้อย่างมั่นใจ

สำหรับการเรียนปฏิบัติ 1 วัน สอนเรื่องการทำ Shot Espresso ให้ perfect และการสตรีมนมซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการทำกาแฟ รวมทั้งเรียนสูตรเครื่องดื่มร้อน เย็น ปั่น และเครื่องดื่มอื่นที่สามารถขายได้ในร้านกาแฟ
2.Late Art Class ลาเต้อาร์ตเป็นปัจจัยที่จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เป็นการใช้ลูกเล่นของบาริสต้า ถึงการโชว์เทคนิคพื้นฐานของการชง เอสเพรสโซ่ที่ดีและการสตรีมนมที่ยอดเยี่ยมการสร้างลวดลายของลาเต้อาร์ตนั้นสามารถพัฒนาต่อยอดได้ไม่มีที่สิ้นสุด ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และจินตนาการของบาริสต้า
3.Cupping Class เป็นอีกหนึ่งหัวข้ออบรมที่ K2 จัดเสริมเข้ามาเพื่อให้ความรู้แก่คนรักกาแฟนอกจากการเรียนรู้เรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับกาแฟแล้ว การชิม และรับรสกาแฟที่ถูกต้อง ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่สามารถพัฒนาไปเป็นนักชิมกาแฟมืออาชีพต่อไปได้
4.คอร์สอบรมสำหรับองค์กร เหมาะสำหรับร้านกาแฟที่ต้องการขยายขายแฟรนไชส์กาแฟ เพื่ออบรมและพัฒนาพนักงาน ให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถไปฝึกอบรมลูกค้าสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ขององค์กรต่อได้
5.คอร์สบาริสต้าสำหรับการแข่งขัน เหมาะสำหรับบาริสต้าที่ต้อการแข่งขันเพื่อชิงรางวัล เป็นคอร์สฝึกอบรมเฉพาะบุคคลเพื่อพัฒนาก้าวไปสู้การแข่งขันระดับอาชีพ
6.คอร์สการคั่วกาแฟอย่างมืออาชีพ เหมาะสำหรับคนทำธุรกิจกาแฟที่ไม่มีความรู้เรื่องการคั่วกาแฟ

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจอยากเข้าอบรมกาแฟกับ K2 สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท เคทู จำกัด 65/6 ซ.โชคชัยร่วมมิตร ถ.วิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 02-276-5170 แฟกซ์ 02-276-5171 หรือที่ www.k2.co.th

2552-10-02

เคล็ดลับการชงกาแฟให้อร่อย



วิธีที่จะช่วยให้การชงกาแฟมีรสอร่อยนั้นมีเคล็ดลับดังนี้


1.เครื่องไม้เครื่องมือในการชงต้องสะอาด


2.น้ำที่ใช้ชงกาแฟต้องเป้นน้ำที่สะอาด ไม่ควรใช้น้ำกระด้างเพราะจะมีแร่ธาตุอื่นๆเจือปนอยู่เยอะ และไม่ควรใช้น้ำกลั่นในการชงกาแฟ


3.อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมสำหรับการชงกาแฟคือ 92-96 องศาเซลเซียส หรือ 94 องศาเวลเซียส เพราะอุณหภูมิขนาดนี้จะสกัด กลิ่นและรสของกาแฟออกมาได้ดี


4.ควรอุ่นถ้วยกาแฟก่อนทุกครั้ง เพื่อรักษาอุณหภูมิของถ้วยกาแฟ เพราะถ้วยกาแฟที่อุ่นจะช่วยให้ ครีมกาแฟ หนาและอยู่คงทนได้นาน


5.หากเครื่องชงเป็นแบบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรอุ่นกาแฟนานเกินกว่า 30 นาที เพราะกาแฟที่อุ่นนานเกิน 15 นาทีคุณภาพจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป คือ กลิ่นไม่หอม รสชาติเปรี้ยวอมขม สีขุ่นไม่ใส


6.ใช้กาแฟที่บดอย่างถูกต้อง สำหรับเครื่องชงกาแฟแต่ละแบบ และใช้กาแฟที่บดสดใหม่อยู่ตลอด


7.ไม่นำกาแฟที่ชงเสร็จแล้วไปอุ่น หรือทำให้ร้อนอีกครั้ง หากดื่มไม่หมด ควรเลือกเก้บในภาชนะท่สามารถเก้บความร้อนได้ดีอย่าง กระติกเก็บรักษาความร้อนได้