2553-02-25

รวยด้วยกาแฟรถเข็น เนสกาแฟ

รวยด้วยกาแฟรถเข็น เนสกาแฟ
เนสท์เล่ ชื่อนี้อยู่ยงมากว่า 100 ปีแล้วได้รุกเข้าธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปราวๆปี 2516 โดยเริ่มแรกร่วมทุนกับบริษัท กาแฟผงไทย เพื่อผลิตกาแฟภายใต้ชื่อแบรนด์ เนสกาแฟ
จากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน เนสกาแฟก็ครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 80% ตลอดเวลากว่า 25 ปี ที่เนสกาแฟ เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปในเมื่อเมือง
ไม่เป็นเพียงผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปรายใหญ่เท่านั้น ยังเป็นผู้ที่รับซื้อผลผลิต เมล็ดกาแฟดิบจากเกษตรกรรายใหญ่อีกด้วย ส่งผลให้ความเป็นอยู่เกษตรกรดีขึ้น
ถึงแม้ว่า เนสกาแฟจะมีความแข็งแกร่งทางชื่อแบรนด์และความไว้วางใจจากผู้บริโภค แต่ก็ยังคงพัฒนาธุรกิจอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ลุกค้าอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจ คือลูกค้าประเภท ร้านกาแฟรถเข็น (Plush Cart)
ลุกค้าประเภทนี้จะไม่เน้นซื้อไปเพื่อบริโภคเอง แต่นำไปเพื่อประกอบเป็นกาแฟเพื่อขายให้กับลูกค้าอื่นๆอีกต่อหนึ่ง โดยเป็นร้านการแฟขาดเล็กสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้สะดวก สามารถตั้งอยู่ตามแหล่งชุชมชนต่างๆได้
ปัจจุบันเนสกาแฟ มีหน่วยที่เป็นร้านกาแฟลักษณะนี้มากกว่า 10,000 ร้านเลยทีเดียว
การจะเริ่มต้นประกอบธุรกิจอะไรสักอย่างทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ถ้าไม่นับเรื่องการแข่งขันที่รุนแรงแล้ว ยังต้องคำนึงถึงเรืองการลงทุน ลงแรง และอัตราเสี่ยงที่อาจจะมีเข้ามาด้วย หากเป็นอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อน
หากเนสท์เล่ ให้การสนับสนุนทั้งเรื่องการอบรม การจัดตกแต่งร้านด้วยแบรนด์ของเนสกาแฟที่ได้รับการยอมรับมาแล้ว การส่งทีมงานเข้าไปช่วยดูแลเรื่องการประกอบธุระกิจ และจัดส่งกาแฟและวัตถุดิบไปให้ลูกค้าได้บ่อยขึ้น
โดยโครงการต่างๆเหล่านี้จะใช้ชื่อว่า Nescafe Street Barista หรือโครงการนักชงมืออาชีพนั่นเอง

โดยโมเดลธุรกิจจะเป็นดังนี้
-ผู้ประกอบการไม่ต้องมีความรู้เรื่องกาแฟแต่อย่างใด ทางบริษัทมีฝึกอบรมให้ ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน-ถึงขั้นสามารถชงกาแฟได้แบบมืออาชีพ พร้อมทั้งเทคนิคการบริหารจัดการร้านพร้อม
-ลงทุนเบ็ดเสร็จเพียง 12,000 บาทเท่านั้น โดยซื้อรถเข็นจากโรงงาน โดนเนสท์เล่จะออกค่าตดแต่งให้ส่วนหนึ่ง
-หลังจากได้รถเข็นและผ่านการฝึกอบรมจนมีความรู้แล้ว เนสท์เล่ จะมอบอุปกรณ์ทีจำเป็นในการเปิดร้านทำธุรกิจให้อย่างครบครัน สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้

อุปกรณ์ที่จะได้รับได้แก่
1.รถเข็นพร้อมตกแต่ง ขนาด 145 X 75 ซม.
2.อุปกรณ์ ครบชุด
-หม้อต้มน้ำ 14 นิ้ว 1 ใบ
-กระบวย 2 อัน
-โถใส่น้ำตาล 1 ใบ
-ช้อนชงยาว 6 ด้าม
-กระป๋องชง 2 ใบ
-กระบวยตักน้ำแข็ง 1 อัน
-ช้อนชงสั้น 6 ด้าม
-เตาอั่งโล่ 1 ใบ
3.กระป๋องเนสกาแฟ คอฟฟี่เมต ไมโล อย่างละ 1 กระป๋อง
4.เสื้อเนสกาแฟและผ้ากันเปื้อน อย่างละ 1 ชิ้น
5.แก้วร้อนสำหรับชง 6 ใบ ถุงใส่ 1,000 ใบ

ปัจจุบันนี้มีผู้ร่วมโครงการมากกว่า 100 รายแล้ว แต่ธุรกิจนี้ไม่ใช่แฟรนไชส์ จึงไม่อนุญาตให้หากำไรจากการขายสินค้าอื่นๆ เช่นซื้อไปแล้วหลายๆตัว แล้วจ้างคนอื่นขายแทน
เนสท์เล่ ต้องการสนับสนุนคนที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเองจริงๆ จึงกำหนด ผู้ประกอบการ 1 คน/ 1 คันเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีโครงการประคับประคองผู้ประกอบธุรกิจไว้ อย่างน้อย 6 เดือน
คอยแก้ปัญหา ทางธุรกิจและประคับประคองยอดขายรวมทั้งจัดโปรโมชั่นเพื่อช่วยเรื่องการขายให้กำผู้ประกอบธุรกิจ เท่าที่ผ่ามา ผู้ประกอบธุรกิจ จะขายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 80-150 แก้ว/วัน ราคาขายอยู่ที่ 12-15 บาท/แก้ว

กำไรขั้นต่ำ 40% ของยอดขาย รายได้จึงค่อนข้างชัดเจน ทุกวัน