2552-08-28

รูปแบบร้านกาแฟ


รูปแบบร้านกาแฟนั้นมีหลายรูปแบบ การตัดสินใจก่อนเปิดร้านกาแฟนั้นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายอย่างทั้งเรื่องของเงินลงทุน รูปแบบของร้านกาแฟ การบริหารงาน ว่าจะสามารถจัดการร้านได้ดีมากน้อยเพียงใด การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นทุกวัน การเลือกรูปแบบร้านกาแฟที่เหมาะสมกับตัวเองทำให้เราสามารถบริหารจัดการได้ดีและจะประสพความสำเร็จในที่สุด มาลองดูการแบ่งรูปแบบร้านกาแฟว่าจัดแบ่งออกเป็นได้กี่ประเภทแบบไหนที่เหมาะสมกับการลงทุนในระดับที่เราคิดไว้ในใจ
1. ร้านกาแฟขนาดเล็ก
ร้านกาแฟขนาดเล็ก เกิดขึ้นได้ง่ายและเกิดขึ้นอย่างมากมายในแต่ละวันทำให้ การแข่งขันในระดับนี้แข่งขันกันสูงมาก ระดับเงินลงทุนที่ใช้ไม่มาก เพราะเงินลงทุนใช้เงินระดับ 30,000-80,000 บาทส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบคีออส หรือเป็นซุ้มขายกาแฟ เช่นตามข้างทาง ,ตลาด ,หรือแหล่งชุมชน,ปั๊มน้ำมันเป็นต้น การลงทุนที่ใช้เงินไม่มากนี่เองทำให้ใครๆก็สามารถเข้ามาแข่งขันได้ในตลาดระดับนี้แต่ถึงแม้จะเป็นระดับที่ใช้เงินลงทุนต่ำแต่ก็ต้องอาศัยความรู้และทักษะในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจไปตลอดรอดฝั่งได้ การลงทุนในร้านกาแฟระดับนี้ ข้อได้เปรียบคือ มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรุกเข้าทำเลต่างๆได้ง่ายๆ หรืออาจจะเสริมเข้าไปในธุรกิจอื่นได้เช่น ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านเบเกอรี่ ร้านอาหาร ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีข้อได้เปรียบเรื่องค่าเช่าสถานที่ ที่ถูกกว่า การเลือกทำเลที่ตั้ง และอาศัยพื้นที่ในการดำเนินธุรกิจที่ไม่มากทำให้สามารถลดต้นทุนเรื่องการจัดร้านและสถานที่ได้ ส่วนการตั้งราคาของร้านกาแฟระดับนี้ก็ต้องไม่แพงจนเกินไปเพราะกลุ่มลูกค้าจะอยู่ในระดับ กลาง-ล่าง ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า ในการดื่ม
2.ร้านกาแฟขนาดกลาง
ลักษณะของร้านกาแฟขนาดกลางคือ เป็นลักษณะคอนเนอร์หรือมุมกาแฟ เคาน์เตอร์ มินิบาร์ การลงทุนอยู่ที่ประมาณ 100,000-800,000 บาท มีสถานที่ตั้งที่แน่นอน อาจอยู่ในอาคารหรือสำนักงาน หรือห้างสรรพสินค้า โดยจับกลุ่มลูกค้า วัยทำงานหรือกลุ่มระดับกลางอาจมีชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งดื่มเป็นมุมกาแฟเพียงไม่กี่จุด ร้านกาแฟระดับนี้สามารถตั้งราคาสูงกว่า ร้านขนาดเล็กได้ ค่าเช่าร้านและสถานที่จึงเริ่มเข้ามามีส่วนในการเปิดร้านอยู่มากพอสมควร จึงต้องคำนึงถึงต้นทุนในส่วนนี้ด้วย แต่ลูกค้าที่เข้ามาดื่มก็อาจจะมีมากกว่า ร้านขนาดเล็กและมีกำลังซื้อได้ดีกว่า หากเลือกทำเลที่ดีและเหมาะสม ผู้ลงทุนต้องหันมาใช้เรื่องการบริการเพื่อให้เกิดการภักดีต่อตัวร้านขึ้น ทำให้ลูกค้ากลับมาดื่มอีกร้านกาแฟระดับนี้ต้องใส่ใจเรื่องการบริหารอย่างมาก เพื่อให้ร้านเติบโตไปได้และอาจจะสร้างชื่อได้ไม่แพ้กาแฟแบรนด์จากต่างประเทศเลยก็ได้ การสร้างแบรนด์เริ่มจากร้านกาแฟขนาดนี้ได้เช่นกันร้านกาแฟขนาดกลาง มีโอกาสที่จะสามารถสร้างแบรนด์จนเป็นกาแฟพรีเมี่ยมได้ ยกตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟเขาทะลุ ชุมพร, กาแฟวาวี ,กาแฟดอยช้าง ฯลฯ
3.ร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยม
คือร้านกาแฟสดขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนที่สูง อาจจะใช้เงินลงทุนระดับ ล้านบาทขึ้นไป รูปแบบร้านมีทั้งแบบเช่าสถานที่บนห้าง หรืออาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เน้นเรื่องความสะดวกสบายและบรรยากาศร้าน เพื่อให้นักดื่มกาแฟได้ผ่อนคลายเรื่องการตกแต่งจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้ต้นทุนเรื่องสถานที่สูงกว่าร้านแบบอื่นๆ ลูกค้าจะเน้นลูกค้าในระดับ กลาง-บน รูปแบบการจัดร้านมีสไตล์หรือคอนเซ็ปต์ ที่แน่นอน ใช้หลักความรู้ในการบริหารจัดการร้านที่ดีมีประสิทธิภาพ รักษามาตรฐานการตลาด และเน้นการสร้างแบรนด์จึงทำให้ใช้ทุนดำเนินการที่สูงกว่าร้านในระดับอื่นๆ แต่การตั้งราคากาแฟก็สามารถตั้งได้สูงตามไปด้วย เช่น แก้วละ 60-100 บาท การแข่งขันในร้านระดับนี้ มักจะมีการครองตลาดจากเจ้าของแบรนด์ ทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ ทำให้ร้านกาแฟรายใหม่เจาะตลาดได้ยากผู้ลงทุนที่อยากเปิดร้านกาแฟในระดับพรีเมี่ยมแต่ไม่มีแบรนด์ของตัวเองควรใช้ แฟรนไชส์จะดีกว่า